Thursday, June 9, 2016

ความเสี่ยงของหุ้น PE ต่ำ โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

ความเสี่ยงของหุ้น PE ต่ำ 


นักลงทุนที่เป็น VI แบบดั้งเดิมที่เน้นลงทุนแต่หุ้นที่มีราคาถูกมากหรือหุ้นที่มีค่า PE ต่ำหรือต่ำมากโดยที่ไม่ได้มีรายการกำไรพิเศษนั้น  ควรที่จะต้องรู้ว่า  บ่อยครั้งหุ้นที่มีค่า PE ต่ำก็ไม่ใช่หุ้นที่จะปลอดภัยหรือน่าลงทุน  เหตุผลมีมากมาย  ประเด็นสำคัญก็คือ  เราต้องรู้ว่าบริษัทนั้นอยู่ในอุตสาหกรรมหรือธุรกิจอะไร  แนวโน้มหรือวัฏจักรอุตสาหกรรมอยู่ในช่วงไหน  สถานะของกิจการในอนาคตจะเป็นอย่างไร  เป็นต้น

เหตุผลข้อแรกที่ทำให้หุ้น PE ต่ำมีความเสี่ยงนั้นอาจจะเป็นเพราะบริษัทอยู่ในอุตสาหกรรม Cyclical หรืออุตสาหกรรมที่มีวัฏจักรขึ้นลงเป็นรอบ ๆ  รอบละอาจจะเป็นปีหรือหลายปี   ในช่วงที่อุตสาหกรรมเป็น  “ขาขึ้น”  กำไรอาจจะสูงมากจนทำให้ค่า PE ต่ำมากและนั่นอาจจะทำให้เราเข้าไปซื้อหุ้น   แต่ความเสี่ยงก็คือ  เราไม่รู้ว่าวัฏจักรยังจะขึ้นต่อไปไหมและอีกนานเท่าไร  ถ้าเราซื้อและถือไว้แล้วพบว่ากำไรในช่วงต่อไปกำลังลดลง  ค่า PE ก็จะ “กลับทิศ” คือเพิ่มขึ้นและอาจจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ   และนั่นอาจจะทำให้คนเริ่มขายหุ้นและขายหุ้นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  จนในที่สุดราคาก็จะตกลงมาอย่างหนักเนื่องจากวัฏจักรกลายเป็น  “ขาลง”  สมบูรณ์แบบ  กำไรของบริษัทที่เคยสูงมากกลายเป็นขาดทุน  เช่นเดียวกัน  ราคาหุ้นที่เคยสูงมากตกลงมาแทบจะเป็น  “หายนะ”  ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดที่ผ่านมาในตลาดหุ้นไทยก็คือบริษัทเดินเรือที่เคยทำกำไรมหาศาลเป็นเวลาติดต่อกันหลายปีก่อนหน้านี้  แต่ในระยะหลังกลับขาดทุน  ราคาหุ้นเคยขึ้นไปหลายเท่าโดยที่ค่า PE ก็ต่ำมากนั้น  ตกต่ำลงอย่างหนักในขณะที่ค่า PE กลับสูงลิ่ว

ธุรกิจที่เป็น Cyclical นั้นยังมีอีกมากมาย  ตัวอย่างก็คือธุรกิจปิโตรเคมีและที่เกี่ยวเนื่องเช่นพวกพลาสติกหรือผลิตภัณฑ์จากพลาสติกเช่นแผ่นฟิล์มต่าง ๆ นั้นต่างก็เคย  Boom และ Bust หรือราคาสินค้าขึ้นเป็น “ฟองสบู่”  และ “แตก” มาเป็นระยะ  ซึ่งในระหว่างนั้นหุ้นก็ปรับตัวขึ้น  บางตัวขึ้นไปหลายเท่าในเวลาอันสั้น  แต่หลังจากนั้นก็ตกลงมาเท่า ๆ  กับที่ขึ้นไปหรือลงมามากกว่าเมื่อวัฏจักร์ของราคาสินค้าเปลี่ยนแปลงไปเป็นขาลง   ในกระบวนการนั้นก็อาจจะทำให้นักลงทุนบางคนเป็น “เศรษฐี”  ในขณะที่หลายคนกลายเป็น  “ยาจก”  ทั้ง ๆ  ที่เขาคิดว่าหุ้นนั้นมี PE ต่ำและเป็นหุ้นที่ “ไม่เสี่ยง”  อย่างไรก็ตาม  ก็จะมีเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า  นักลงทุนในตลาดหุ้นนั้นมักจะมีความจำสั้นมาก  พวกเขามักจะสนใจแต่เรื่องที่กำลังเกิดขึ้น  ความโลภทำให้คนลืมความเสี่ยง  นี่คือสัจธรรมและคงติดอยู่ในยีนส์ของคนเรามานานตั้งแต่มีมนุษย์

ข้อสองที่ทำให้หุ้นมี PE ต่ำ  บางทีต่อเนื่องมาหลายปีก็คือ  หุ้นตัวนั้นอยู่ในธุรกิจหรืออุตสาหกรรม  “ตกดิน” หรือ “Sun Set”  แล้ว   อุตสาหกรรมตกดินนั้นส่วนใหญ่ก็คืออุตสาหกรรมที่ประเทศไทย  “หมดความสามารถในการแข่งขัน”  เมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งอื่น   ดังนั้น  ในอนาคตมันก็จะค่อย ๆ  เลิกกิจการไปเนื่องจากราคาสินค้าที่ขายมักจะต่ำแต่ต้นทุนการผลิตมักจะสูงจนทำให้ขาดทุนและการขาดทุนก็จะมากขึ้นเรื่อย ๆ  จนในที่สุดก็ต้องปิดกิจการ  และนี่ก็คือตอนท้ายของเรื่อง  แต่ในช่วงที่เพิ่งจะเริ่มเข้าสู่  Sun Set นั้น  หลาย ๆ  บริษัทก็จะยังมีกำไรและก็ยังมีกำไรต่อเนื่อง  ค่า PE ของหุ้นก็จะต่ำถึงต่ำมาก  บางทีเป็นเพราะราคาหุ้นถดถอยลงมา  แต่ถ้าเราเข้าไปซื้อหุ้นและคิดว่ามันมีราคาถูกมากและอาจจะจ่ายปันผลดีด้วย  ผลสุดท้ายเมื่อกำไรเริ่มตกต่ำลงราคาหุ้นก็จะตกต่ำลงเรื่อย ๆ  และไม่มีทีท่าจะฟื้นได้เลย  การลงทุนก็อาจจะกลายเป็นหายนะได้  ตัวอย่างของหุ้นเหล่านี้น่าจะรวมถึงธุรกิจที่ต้องใช้แรงงานสูงที่ต้องแข่งขันกับประเทศที่มีค่าแรงต่ำเช่นสิ่งทอและชิ้นส่วนอิเลคโทรนิกบางอย่าง  เป็นต้น

ข้อสามที่ทำให้หุ้นมีค่า PE ต่ำโดยที่หลายคนก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมจึงเป็นอย่างนั้นก็คือหุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่กำลัง “อิ่มตัว” หรืออาจจะไม่โตแล้ว  หรือไม่ก็โตช้าลงไปมาก  ตัวอย่างของหุ้นกลุ่มนี้ก็น่าจะรวมถึงหุ้นอสังหาริมทรัพย์ที่โตช้าลงหรืออาจจะหยุดโตเนื่องจากประชากรคนไทยที่แทบจะไม่ค่อยเพิ่มแล้ว   ธุรกิจการเป็นโบรกเกอร์ซื้อขายหลักทรัพย์ที่การเพิ่มขึ้นของรายได้ในอนาคตน่าจะยากขึ้นเรื่อย ๆ  หรือธุรกิจผู้ผลิตชิ้นส่วนป้อนให้กับอุตสาหกรรมต่าง ๆ  ที่อาจจะต้องเผชิญกับการถดถอยหรือโตช้าลงของเศรษฐกิจไทยและโลกที่อาจจะต่อเนื่องไปอีกนานเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่เน้นทางด้านดิจิตอลมากขึ้นเรื่อย ๆ  เทียบกับอุปกรณ์ที่จับต้องได้

หุ้นของกิจการที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่กำลังอิ่มตัวนั้นมีความเสี่ยงก็คือ  มันไม่โต  หรือบางทีก็ถดถอยลงเนื่องจากมันแพ้คู่แข่งในตลาดที่มีการแข่งขันสูงเนื่องจากผู้เล่นต่างก็ต้องแย่งตลาดที่ไม่โตกัน  และถ้าเป็นสถานการณ์ดังกล่าว  หุ้นตัวนั้นอาจจะมีกำไรลดลงหรือเพิ่มน้อยมากทำให้นักลงทุนไม่สนใจซื้อหุ้นทำให้ราคาหุ้นไม่ไปไหนเป็นเวลานาน  ค่า PE ก็อาจจะมีแนวโน้มต่ำเช่นเดิมไปนานแบบ  “ต่ำเรื้อรัง”  เรียกว่าซื้อหุ้นอาจจะได้แค่ปันผล  แต่ถ้าโชคร้ายหุ้นที่ซื้อนั้นมีความสามารถต่ำกว่าคู่แข่ง  กำไรก็อาจจะลดลงและทำให้หุ้นตกลงตามไปด้วยแม้ว่าอาจจะไม่เป็นหายนะ  ดังนั้น  ความเสี่ยงของหุ้น PE ต่ำในกลุ่มนี้นั้นผมคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของการ  “เสียโอกาส”  ของเงินมากกว่าประเด็นอื่น  อย่างไรก็ตาม  ถ้าหุ้นจ่ายปันผลสูง  เช่น ปีละไม่ต่ำกว่า 4-5%  นี่ก็อาจจะชดเชยการเสียโอกาสของเงินได้

ข้อสี่หรือกลุ่มที่สี่ที่มีค่า PE ต่ำนั้น   อาจจะเป็นเพราะว่านักลงทุนกลัวหรือคาดว่ากิจการทั้งหมดในอุตสาหกรรมนั้นกำลังจะมีปัญหา  รายได้และกำไรกำลังจะลดลงหรือไม่โต  ตัวอย่างชัดเจนก็คือกลุ่มแบ้งค์ที่คนกลัวว่าจะเกิดหนี้เสียที่จะทำให้ต้องสำรองมากขึ้นเช่นเดียวกับที่สินเชื่อก็จะไม่โต  ทั้งสองประเด็นนั้นมาจากการที่ภาวะเศรษฐกิจไทยที่โตช้าลงไปมากในช่วงเร็ว ๆ  นี้   ความเสี่ยงของการลงทุนซื้อหุ้นกลุ่มที่คาดว่ากำลังจะเผชิญกับปัญหาก็คือ  ปัญหามันเกิดขึ้นจริงและผลกระทบมันรุนแรงเกินคาดเนื่องจากการที่มันอาจจะเป็นทั้งระบบ  ในภาวะอย่างนั้น  หุ้นก็อาจจะตกลงมาหนักมากจนบางครั้งกลายเป็น  “หายนะ”

กลุ่มสื่อสารเองก็น่าจะเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่มีค่า PE ต่ำลงเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของกฎเกณฑ์ในการได้สิทธิ์ใช้คลื่นวิทยุที่มีต้นทุนเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกับการแข่งขันที่มากขึ้นในอุตสาหกรรมทำให้คนกลัวว่ากำไรของบริษัทในอุตสาหกรรมจะลดลงในอนาคต  ซึ่งความเสี่ยงถ้าเราซื้อหุ้นเหล่านี้ก็คือ  กำไรของบริษัทลดลงมากกว่าที่คิด  นอกจากนั้นอนาคตต่อไปก็อาจจะ “ไม่นิ่ง”  เนื่องจากมีความไม่แน่นอนของผู้เล่นใหม่ที่อาจจะเข้ามาได้อีกซึ่งจะทำให้การทำกำไรของบริษัทลดลง

ถ้าจะพูดโดยรวมแล้วผมเองคิดว่าความเสี่ยงของการลงทุนซื้อหุ้นที่มี PE ต่ำนั้นน่าจะน้อยกว่าการถือหุ้น PE สูงมาก  เหตุผลแรกก็คือ  ความคาดหวังในการลงทุนของนักลงทุนที่ซื้อหุ้น PE ต่ำนั้นมีไม่มาก  ดังนั้น  โอกาสผิดพลาดก็จะน้อยลง  ตัวอย่างเช่น  พวกเขาคิดว่าเศรษฐกิจแย่และหนี้เสียคงจะมากขึ้น   แต่หนี้เสียอาจจะไม่เลวร้ายเท่าที่คิด  เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ  แบ้งค์เองก็ตั้งสำรองหนี้เสียไว้ค่อนข้างมากอยู่แล้วที่จะรองรับความเสียหายได้อย่างเพียงพอโดยไม่ทำให้ผลประกอบการตกลงมาหนักเกินไป  เป็นต้น  เหตุผลต่อมาก็คือ  ราคาหรือมูลค่าของกิจการตอนที่เราซื้อหุ้นที่มีค่า PE ต่ำนั้น  มักจะไม่มากเมื่อเทียบกับขนาดของธุรกิจ  ดังนั้น  หากเกิดความผิดพลาด  หุ้นก็อาจจะตกลงมา  แต่อาจจะไม่มากนักเนื่องจากผลประกอบการของบริษัทก็ยังดีพอที่จะทำให้มีนักลงทุนสนใจที่จะซื้อ  เพราะอย่างน้อยปันผลที่จะได้ก็อาจจะคุ้มที่จะถือระยะยาว  เป็นต้น

ก่อนที่จะสรุปว่าเราควรซื้อหุ้น PE ต่ำมากกว่า PE สูง  ผมคงจะต้องบอกด้วยว่า  ผลตอบแทนถ้าทุกอย่างไม่ได้แย่แต่ดีมากนั้น  ในกรณีของหุ้น PE ต่ำก็อาจจะไม่ดีเท่าหุ้น PE สูง  บางทีเป็นเรื่องยากที่หุ้น PE ต่ำจะวิ่งขึ้นไปหลายเท่าตัวในเวลาอันสั้น   ความคาดหวังที่ต่ำนั้นมักทำให้คนไม่อยากเข้ามาเก็งกำไรและการดันราคาหุ้นให้สูงลิ่วในเวลาอันสั้นนั้นยาก  ดังนั้น  คนที่เล่นหุ้น PE ต่ำก็ต้องทำใจว่าผลตอบแทนจากหุ้น PE ต่ำนั้นจะต้องค่อย ๆ มาถ้าเราเลือกที่จะ “เสี่ยง” อย่างรอบคอบแล้วกับหุ้น PE ต่ำ