Tuesday, March 10, 2015

Quote ของการลงทุน /ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร


ผมเป็นคนชอบอ่าน Quote หรือคำพูดที่ “แหลมคม” ของ “นักปราชญ์”  คนที่มีความสามารถ  หรือ “คนดัง” ในแวดวงต่าง ๆ  เพราะผมรู้สึกว่า Quote นั้นมักจะมีแนวความคิดและปรัชญาที่สำคัญที่สามารถบรรจุอยู่ในคำพูดสั้น ๆ  ไม่กี่ประโยคอ่านแล้วก็เข้าใจได้ทันที  ซึ่งก็แน่นอนว่า  ผมชอบอ่าน Quote ของกูรูการลงทุนมากมายที่ได้พูดไว้  และต่อไปนี้คือ Quote ที่ถูกรวบรวมโดยคุณพรชัย  รัตนนนทชัยสุข นักเขียนและนักลงทุนอาวุโสทางด้าน VI ซึ่งได้จัดทำเป็นหนังสือเพื่อแจกให้แก่คนที่ทำประโยชน์ให้แก่สังคม  ผมจึงถือโอกาสนี้ขอบคุณคุณพรชัยและนำ Quote บางส่วนที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของตลาดหุ้นในปัจจุบันที่กำลังร้อนแรงมาดูกัน

Quote แรกเป็นของ Michael K. Farr  “คุณไม่รู้ไม่เข้าใจ  แต่ราคาหุ้นมันขึ้นเอา ๆ  คุณเห็นคนที่ไม่ได้ฉลาดอะไรรวยเอา ๆ  ในขณะที่คุณมัวแต่ตั้งคำถามเพื่อพิจารณาเหตุผล  ในที่สุดคุณตัดสินใจว่า  การมัวนั่งพินิจพิเคราะห์ทำให้คุณไม่ได้กำไรอย่างคนอื่น  ไม่วิเคราะห์มันแล้ว  ซื้อเลยดีกว่า  คุณต้องมีหุ้นตัวนี้กับเขามั่งแม้ว่ามันจะเพิ่งทำจุดสูงสุดใหม่ก็เหอะ  ฟังคุ้น ๆ ปะ”

  คำพูดที่สองเป็นของ วอเร็น บัฟเฟตต์   “พอราคาหุ้นขึ้นต่อเนื่องแบบไม่ยอมตก  เราจะเริ่มคิดว่า  การขึ้นของราคาหุ้นมันคงสมเหตุผล  เราจะเริ่มมองเห็นโลกเสี้ยวเดียว  การขึ้นของราคาหุ้นและผลกำไรเป็นตัวกระตุ้นให้เราเชื่อ  เชื่อแม้ว่ามันจะขัดกับสามัญสำนึก  ข่าวดีกระจ้อยร่อยกระตุ้นราคาราวกับเป็นข่าวใหญ่น่าเฉลิมฉลอง  ส่วนข่าวร้ายและคำวิพากษ์วิจารณ์ถูกมองข้ามและไม่มีใครให้น้ำหนัก  จนในท้ายที่สุดเมื่อความเป็นจริงปรากฏ  “รู้งี้”  คือคำพูดที่จะหลุดออกมาจากปากเรา”

  บัฟเฟตต์ยังพูดต่อว่า  “ยามที่การใช้มาร์จินได้ผล  มันจะทำให้กำไรของคุณเพิ่มทวีคูณ  เมียคุณจะมองว่าคุณช่างฉลาดปราดเปรื่องยิ่งนัก  เพื่อนบ้านจะอิจฉาคุณ  แต่การใช้มาร์จินเป็นสิ่งเสพติด  พอเคยได้กำไรอย่างมหัศจรรย์แล้ว  น้อยคนนักจะหวนกลับมาลงทุนแบบระมัดระวังได้  และก็อย่างที่พวกเราเคยเรียนตอนอยู่ประถมและหลายคนได้เรียนอีกครั้งตอนวิกฤติในปี 2008 ว่า  ไม่ว่าตัวเลขมันจะสวยหรูแค่ไหน  มันจะมลายไปทันทีถ้ามันถูกเอาไปคูณกับเลขศูนย์เพียงแค่ตัวเดียว  ประวัติศาสตร์บอกเราว่า  มันกลายเป็นศูนย์ได้บ่อยครั้ง  แม้ว่าคนที่ใช้มันจะเฉลียวฉลาดมากก็เหอะ”

  คำพูดที่สี่และห้าเป็นของ Jack D. Schwager “จะซื้อหรือถือหุ้นที่มีค่า PE สูง ๆ  การเติบโตของกำไรสุทธิต้อง  Feasible, Visible, Predictable และ Durable”

  “จังหวะที่ดีที่สุดสำหรับการเริ่มต้นซื้อหุ้นเพื่อการลงทุนระยะยาวก็คือช่วงเวลาหลังจากที่หุ้นให้ผลตอบแทนไม่ดีติดต่อกันมายาวนาน”

คำพูดที่หกเป็นของ Peter Keefe  “คนชอบอยากรู้ว่าตลาดหุ้นเกิดภาวะฟองสบู่แล้วหรือยัง จนลืมไปว่า  ภาวะฟองสบู่ไม่ได้เกิดขึ้นได้กับตลาดโดยรวมเพียงอย่างเดียว  แต่อาจจะเกิดกับหุ้นเป็นกลุ่ม ๆ  หรือเป็นตัว ๆ ก็ได้”

  Quote ที่เจ็ดนั้นอาจจะเรียกว่าเป็นเอกลักษณ์การลงทุนอย่างหนึ่งของบัฟเฟตต์เลยก็ว่าได้เพราะเขาบอกว่า  “เวลาที่ตลาดหุ้นตกหนัก ๆ  จะเป็นช่วงเวลาที่เราสามารถซื้อหุ้น Philip Fisher (หุ้นเติบโต) ได้ในราคา Benjamin Graham (P/E, P/B ต่ำ)”

  คำพูดที่แปดเป็นของ Francisco Garcia Parames  “การที่ราคาหุ้นขึ้นมา 20 เปอร์เซ็นต์มันหมายความว่าหุ้นตัวนี้มีความน่าสนใจน้อยลงไป 20 เปอร์เซ็นต์”

  Joel Greenblatt พูดว่า  “ความผิดพลาดข้อใหญ่ที่สุดสามข้อของนักลงทุนคือ  1. ปล่อยให้อารมณ์เข้าครอบงำ ตัดสินใจซื้อขายหุ้นตามอารมณ์ที่เกิดขึ้นตอนเห็นการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้น  ตอนอ่านบทวิเคราะห์หรืออ่านข่าว  2. ซื้อหุ้นแบบไม่รู้เรื่อง  ไม่มีความรู้  ประเมินมูลค่าบริษัทไม่ออก  ซึ่งถ้าประเมินไม่ได้  แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าหุ้นถูกหรือเปล่า  3. ให้น้ำหนักกับผลประกอบการล่าสุดของบริษัทมากเกินไป”

  ถ้าเราคิดว่าหุ้น IPO คือสุดยอดของการลงทุน  เราควรฟัง วอเร็น บัฟเฟตต์ ที่พูดว่า  “หุ้น IPO เป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง  การที่ผู้บริหารต้องการขายหุ้น  ทำให้หุ้นพวกนี้ไม่น่าจะเป็นหุ้นที่ถูกที่สุดสำหรับการเข้าซื้อ”

  Quote ที่ 11 เป็นของ Stuart Walton  “ความเข้าใจผิดข้อใหญ่ที่สุดก็คือ  มีการเชื่อกันในวงกว้างว่า  การหาเงินด้วยการเทรดหุ้นเป็นเรื่องง่าย  คนพากันคิดว่า  พวกเขาสามารถเลิกทำงานและมานั่งเทรดหุ้นอย่างเดียวได้  สุดท้ายแล้ว  คนส่วนใหญ่จะต้องพบกับความผิดหวัง”

  คำพูดที่ 12 ถูกกล่าวโดย Jack Schwager  “ทำไมการขาดทุนครั้งใหญ่มักมีแนวโน้มเกิดตามหลังช่วงที่ดีที่สุด?  คำอธิบายหนึ่งก็คือ  ในยามที่อะไร ๆ ดูเหมือนจะสวยหรูเหมือนมีคนกำกับ  นักลงทุนมักจะเริ่มการ์ดตก  พวกเขาเริ่มลืมคิดถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่อาจเกิดขึ้น  อีกปัจจัยหนึ่งก็คือ  ในช่วงดี ๆ แบบที่ว่า  แต่ละคนมักลงทุนสุดตัวทุ่มสุดขีด  คำเตือนของผมก็คือ  ในยามที่พอร์ตคุณสวยหรูดูดีนิวไฮมีหุ้นน้อยไป  อย่าการ์ดตกและจงระมัดระวังตัวให้มาก”

  คำพูดนี้เป็นของ Anthony Bolton  “จากการศึกษาพบว่า  เมื่อราคาหุ้นวิ่งขึ้นไปทำจุดสูงสุด  นักลงทุนที่มีประสบการณ์น้อยมักคาดหวังผลตอบแทนที่สูงกว่าและมั่นใจมากกว่าว่าตัวเองจะสามารถเอาชนะตลาดได้ เมื่อเปรียบเทียบกับนักลงทุนที่อยู่ในตลาดมานาน”

  Quote ที่ 14 และ 15 เป็นของ Gerald M. Loeb เซียนหุ้นเก็งกำไร  “ผลของตลาดกระทิงที่มีต่อความคิดของเรา:  1. เราจะชื่นชมตัวเองว่าเรานี่แหละเซียนหุ้น  2.  รู้สึกว่าตัวเองโง่ที่อนุรักษ์นิยมเกินไปในช่วงที่ผ่านมาและจะนั่งคิดว่าถ้ากล้ากว่านี้จะได้เงินอีกเยอะเลย  3. เริ่มเสี่ยงมากขึ้นและอยากได้กำไรเร็วๆ จนกลายเป็นนักเก็งกำไร”

  “สามสาเหตุหลักที่จะทำให้เราขาดทุนคือ

1. ซื้อหุ้นมาในราคาที่แพงเกินไป
2. ซื้อหุ้นที่มีงบดุลอ่อนแอ
3. ไปหลงเชื่อตัวเลขคาดการณ์ผลกำไรที่สูงเกินจริง”

  คำพูดที่ 16 ซึ่งเป็นคำพูดสุดท้ายที่ไม่ระบุชื่อคนพูดก็คือ  “เรื่องของเรื่องก็คือ  หุ้นมันก็เป็นแบบนี้แหละ  บางทีมันก็ขึ้น  บางทีมันก็ลง  ตอนหุ้นขึ้นได้กำไร  ก็อย่าผยองปากกล้าจนเกินงาม  ตอนหุ้นตกขาดทุนหนักก็อย่าหดหู่ซึมเศร้าจนเกินควร  ใช้เหตุผลและปัญญานำทาง  อย่าใช้อารมณ์ตัดสินใจ”