Friday, June 26, 2015

แม่น้ำร้อยสาย / โดย คนขายของ


มีนักลงทุนท่านหนึ่งซึ่งมีประสบการณ์ยาวนานและมีมุมมองในการลงทุนที่เฉียบคมมากได้กล่าวไว้ว่า หากเราจะเชื่อในหลักการลงทุนของใครให้ดูผลงานในอดีตของเขาก่อนว่าประสบความสำเร็จมากน้อย เพียงใด คำพูดนี้ทำให้ผมได้ลองเริ่มค้นหาแนวทางการลงทุนของนักลงทุนท่านอื่น นอกเหนือจากที่เรา รู้จักกันดี เช่น Warren Buffett และ George Soros ว่าเป็นอย่างไร ผมเริ่มต้นโดยการไล่ดูรายชื่อ มหาเศรษฐีที่มีระดับความมั่งคั่งเกินกว่า 10,000 ล้านเหรียญขึ้นไป และมีรายได้หลักมาจากการลงทุนว่า มีใครบ้าง และ ศึกษาดูแนวทางในการลงทุนของเขาเป็นอย่างไร จะมีแต่เฉพาะแนวเน้นคุณค่า (VI) เท่านั้นหรือไม่ที่สามารถสร้างความมั่งคั่งระดับนี้ได้? โดยในบทความนี้ผมขอยกมาสามท่านเพื่อเป็น กรณีศึกษากัน

  ท่านที่หนึ่ง Ray Dalio ผู้ก่อตั้งบริษัทเพื่อการลงทุน Bridgewater Associates มีสินทรัพย์ส่วนตัว

ราว 15.4 พันล้านเหรียญ เขาเริ่มลงทุนในหุ้นครั้งแรกตอนอายุ 12 ปี โดยได้ยินเรื่องหุ้นจากในสนาม

กอล์ฟระหว่างที่ทำงานเป็นแคดดี้ แนวการลงทุนของ Dalio นั้นใช้ทั้งการมองภาพใหญ่ของเศรษฐกิจ และ การวิเคราะห์บริษัทที่มีความสามารถในการแข่งขันประกอบกัน ผลงานในการลงทุนที่โดดเด่น ของเขาคือ ในปี 2006 บริษัท Bridgewater ได้ทำการวิเคราะห์ภาพใหญ่ของสหรัฐอเมริกาแล้วพบว่า ประเทศมีหนี้สินมากกว่ารายได้ ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะล่มสลายตามมา Dalioได้ทำการเตือนรัฐมนตรีคลัง ของสหรัฐถึงวิกฤตในครั้งนี้ เขาได้ขายหุ้นธนาคารขนาดใหญ่และเปลี่ยนไปถือครอง ทองคำ และ พันธบัตรรัฐบาลในช่วงก่อนเกิดวิกฤต ซึ่งสามารถสร้างความมั่งคั่งให้แก่บริษัทได้อย่างมหาศาล

  ท่านที่สอง James Simons เป็นนักลงทุนที่เรียกได้ว่ามีพื้นการศึกษาแตกต่างจากมหาเศรษฐีนักลงทุน โดยส่วนใหญ่ ทั้งนี้เพราะ Simons มีดีกรี PhD ทางคณิตศาสตร์ไม่ใช่เศรษฐศาสตร์หรือบริหารธุรกิจ ความมั่งคั่งของ Simons ประเมินโดย Forbes ว่าอยู่ที่ราว 14 พันล้านเหรียญ  บริษัท Renaissance Technologies ที่เขาเป็นผู้ก่อตั้งนั้นจะรับเฉพาะคนที่ไม่มีความรู้พื้นฐานทางการเงินเลย พนักงาน ส่วนมากเป็น นักสถิติ นักคณิตศาสตร์ และ นักฟิสิกส์ ทั้งนี้เพราะหลักการลงทุนของบริษัทนี้ใช้หลัก โมเดลทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนในการลงทุน ซึ่ง Simons สามารถทำกำไรได้มากมายจากการลงทุน ของเขา ไม่ว่าจะเป็นหุ้นหรือสินค้าโภคภัณฑ์ สิ่งที่ Simons ได้ริเริ่มนับเป็นต้นแบบของการใช้ คอมพิวเตอร์ในการตัดสินใจซื้อขายหุ้นในทุกวันนี้

  ท่านที่สาม Steve Cohen แนวทางการลงทุนของนักลงทุนท่านนี้นับว่าเป็นสุดขั้วในอีกด้านหนึ่งของ

แนวลงทุนเน้นคุณค่า VI) เพราะ Cohen ขึ้นชื่อในเรื่องของการถือครองในระยะสั้นมากๆ เน้นการซื้อ

ขายที่มีความถี่สูง มีคำกล่าวว่าในบางปีบริษัท SAC Capital ของเขามีวอลุ่มการซื้อขายคิดเป็น 3% ของวอลุ่มซื้อขายรายวันในตลาดหุ้นนิวยอร์คเลยทีเดียวกลยุทธ์หนึ่งที่ Cohen ใช้ในการลงทุนคือ ไล่ซื้อหุ้นที่มีนักลงทุนทำการ short ไว้มาก โดยเข้าไปไล่ราคาทำให้คนที่ short ต้องรีบซื้อคืน เว็ปไซด์investopedia.com เขียนถึง Cohen ว่าในปี 1998-1999 เขาไล่ซื้อหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีอย่างหนัก ก่อนจะขายออกทำกำไรได้ถึง 70% หลังจากนั้นในปี2000 ก่อนการล่มสลายของ Nasdaq เขาก็ short หุ้นเหล่านั้นอีกทีและทำกำไรไปอีก 70% ณ ปัจจุบัน Cohen มีความมั่งคั่งสูงถึง 11 พันล้านเหรียญ

  การเดินทางจากกรุงเทพไปเชียงใหม่นั้นผู้เดินทางสามารถเลือกได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบิน

รถไฟ หรือ รถยนต์ แม้ว่าจะเลือกแล้วว่าเป็นรถยนต์ก็ยังเลือกได้อีก ว่าจะขับรถอะไร ขับเร็วแค่ไหน การเดินทางสู่ความมั่งคั่งในการลงทุนก็เช่นเดียวกัน ก็มีหลายหลายหนทาง หลายรูปแบบ ทั้งนี้นักลงทุน

จะเลือกแบบไหนคงขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น ความชอบส่วนตัว ความสามารถในการรับความเสี่ยง และ องค์ความรู้ในแนวการลงทุนนั้นๆ บางแนวทางการลงทุนอาจมีคนทำสำเร็จแต่ก็อาจไม่เหมาะสำหรับ คนธรรมดาสามัญชนทั่วไป ทั้งนี้เพราะต้องการทักษะพิเศษบางประการ แต่หากเราเลือกแนวทางใด



ได้แล้วฝึกฝนจนชำนาญ หมั่นศึกษาจนเกิดการตกผลึกขององค์ความรู้ ผมเชื่อว่าไม่ว่าจะแนวทางไหน ก็คงเหมือนแม่น้ำนับร้อยสายที่มีต้นกำเนิดที่ต่างกัน แต่ก็ไหลไปรวมกันในมหาสมุทรแห่งความมั่งคั่ง ในที่สุด