Thursday, February 11, 2016

ถูกหรือแพง? / โดย คนขายของ


 ถ้ารถที่เรานั่งอยู่ขับด้วยความเร็ว 100 กม/ชม และรถที่อยู่ข้างหน้าเราขับด้วยความเร็ว120 กม/ชม เราจะรู้สึกว่ารถคันหน้าขับด้วยความเร็วแค่ 20 กม/ชม เท่านั้น บทเรียนนี้อยู่ในสมัยมัธยมปลาย ในหัวข้อเรื่อง “ความเร็วสัมพัทธ์” ในการลงทุนในหุ้นผมคิดว่า การที่จะบอกได้ว่าตอนนี้หุ้นส่วนใหญ่ ถูกหรือแพง เราอาจจะไม่สามารถบอกโดยดูข้อมูลจากหุ้นเพียงอย่างเดียว เราอาจจะต้องดูผลตอบแทน ที่ได้จากการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นเพื่อเปรียบเทียบก่อนการตัดสินใจ

                Warren Buffett ให้สัมภาษณ์ CNBC เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2015  ซึ่งขณะนั้นดัชนี Dow Jones อยู่ที่เกือบ All-Time-High ที่ 18,000 โดยได้กล่าวว่า  “ถ้าดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับต่ำแบบนี้ไปอีก 10 ปี ราคาหุ้นตอนนี้ถือว่าถูกมาก” จากบทสัมภาษณ์เราจะเห็นว่า Buffett ใช้ดอกเบี้ยเป็นตัวอ้างอิงที่จะ บอกว่าหุ้นนั้นถูกหรือแพง ซึ่งส่วนมากดอกเบี้ยที่ใช้ในการเปรียบเทียบในการลงทุนระยะยาว มักจะใช้ ดอกเบี้ยของพันธบัตร 10 ปีเป็นเกณฑ์ หลังจากการให้สัมภาษณ์ในครั้งนั้นราว 6 เดือน FED ก็ได้ ประกาศขึ้นดอกเบี้ย หุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลง พร้อมราคาน้ำมันที่ถล่มลงมา เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ เลือกที่จะหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเช่น หุ้น หรือ สินค้าโภคภัณฑ์ จึงทำให้ความต้องการ ลงทุนในพันธบัตรมีสูงขึ้น กลายเป็นว่าหลังจาก FED ขึ้นดอกเบี้ย  ผลตอบแทน 10-Yr Bond Yield ของอเมริกาได้ปรับตัวลดลงจาก 2.3% ในวันที่ FED มีมติ ลงมาเหลือแค่ 1.87% ในอีก 45 วันต่อมา

                ในช่วงเดียวกันที่ผลตอบแทนของพันธบัตร 10 ปีปรับตัวลง ตลาดหุ้นก็ปรับตัวลงด้วยเช่นกัน จนใน ปัจจุบัน อัตราเงินปันผลของหุ้นที่ใช้คำนวณดัชนี S&P 500 ซึ่งถือว่าเป็นหุ้นของบริษัทที่มีความมั่นคง ในระดับสูง ขึ้นมาอยู่ที่ 2.31% ทำให้ผมเชื่อว่ามีนักลงทุนหลายท่านเริ่มให้ความสนใจในหุ้นอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเรื่องที่เงินปันผลจากหุ้นให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าพันธบัตร 10 ปีนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในสหรัฐ อเมริกาเพียงประเทศเดียว จากการศึกษาผลตอบแทนใน จีน, ญี่ปุ่น, เยอรมัน, อังกฤษ และ ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นประเทศที่มี GDP ใหญ่เป็นอันดับ 2-6 ของโลก พบว่าอยู่ในสภาวะที่ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่าดอกเบี้ยที่ได้จากพันธบัตร 10 ปีทั้งสิ้น โดย ญี่ปุ่นครองแชมป์ส่วนต่างมากที่สุด โดยเงินปันผล จะให้ผลตอบแทนมากกว่าพันธบัตรถึง 66 เท่า ตามมาด้วย เยอรมัน 8.6 เท่า

                หันมาดูข้อมูลของประเทศไทยกันบ้าง ตอนนี้พันธบัตร 10 ปีให้ดอกเบี้ยที่ 2.31% ในขณะที่ปันผลเฉลี่ยของตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 3.26%  จากข้อมูลข้างต้นทำให้ผมรู้สึกว่า การลงทุนในหุ้นโดยภาพรวมนั้น ยังดูไม่แพงจนเกินไป เพราะยังให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าพันธบัตรอยู่บ้าง แต่กระนั้นก็ตามตัวเลขสถิติเงินปันผลส่วนใหญ่เป็นตัวเลข 12 เดือนที่ผ่านมา อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต นักลงทุนควรใช้ ความระมัดระวังและพิจารณาเป็นรายตัวอีกที

                ในสภาวะปัจจุบันที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงและดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ผมเชื่อว่าการลงทุนในหุ้น ยังไม่ถึงกับหมดเสน่ห์ไปเสียเลยทีเดียว ทั้งนี้เพราะดอกเบี้ยซึ่งอยู่ในระดับต่ำ เป็นตัวผลักดันให้ผู้คนต้อง แสวงหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนมากกว่า แต่กระนั้นก็มีอันตรายแฝงอยู่ด้วย เพราะหุ้นบางตัวอาจ ได้รับผลกระทบเนื่องจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง ทำให้กำไรอาจไม่ดีเหมือนแต่ก่อน ดังนั้น กลยุทธ์ในการลงทุนในช่วงนี้ สำหรับตัวผู้เขียนเอง จะไม่ค่อยเน้นหุ้นที่มีการเติบโตของกำไร (Growth Stocks) มากนัก แต่เน้นลงทุนในหุ้นที่กิจการมั่นคง กระแสเงินสดดี หนี้ไม่มากนัก และ คาดว่าน่าจะ ปันผลได้มากกว่าผลตอบแทนพันธบัตรได้อย่างสม่ำเสมอ

                แม้ในช่วงที่ผ่านมาจะมีการกล่าวถึงวิกฤตเศรษฐกิจในระดับโลกมากขึ้น นักลงทุนต่างขวัญหนีดีฝ่อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำมันราคาลดลงรุนแรง เศรษฐกิจจีนชะลอตัว เศรษฐกิจญี่ปุ่นอาจกลับไปถดถอย ทำให้หุ้นในหลายตลาดถูกเทขายลงมา หลายคนตอนนี้ไม่กล้าที่จะลงทุนอะไรเลย เก็บเงินสดไว้ใน ธนาคารอย่างเดียว จนอาจลืมไปว่าดอกเบี้ยในปัจจุบันนั้นต่ำขนาดไหน และ ยังมีผลตอบแทนอะไรอย่างอื่นที่อาจจะดีกว่าหรือไม่? ซึ่งถ้าเราศึกษาวิกฤตเศรษฐกิจขนาดใหญ่ทั้งหลายที่เกิดขึ้นในโลก เราจะเห็นชัดเลยว่า การเก็บเงินสดไว้ในธนาคารนั้นไม่ได้ปลอดภัยจริงอย่างที่คิด เพราะในวิกฤต มักจะมีธนาคารบางแห่งล้มละลาย ในขณะที่กิจการบางอย่างที่จำเป็น ผู้คนต้องกิจต้องใช้ กลับผ่านวิกฤตมาได้สบาย และกลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิมอีกด้วยซ้ำ