Sunday, July 12, 2015

หลังชนฝา / โดย คนขายของ

 
   เมื่อสี่สิบปีก่อนดอกเบี้ยฝากประจำ 15% เป็นเรื่องปกติ เมื่อสิบกว่าปีก่อนดอกเบี้ยออมทรัพย์ที่ 5% เป็นเรื่องธรรมดา แต่ในช่วงที่ผ่านมาเนื่องจากดอกเบี้ยเป็นขาลงตลอด จนมาถึงตอนนี้ผู้คนเริ่มรู้สึกว่าผลตอบแทนจากการฝากเงินเพื่อกินดอกเบี้ยอย่างเดียวดูไม่ดึงดูดใจ ยิ่งหากใครอยู่ในวัยเกษียณ หากต้องการเงินใช้เดือนละ 20,000 บาท ถ้าฝากเงินกินดอกเบี้ยอย่างเดียว เขาเหล่านั้นต้องมีเงิน ในบัญชีฝากประจำอย่างน้อย 25 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งเป็นเรื่องยากที่คนทำงานเป็นพนักงาน เป็นข้าราชการ เป็นลูกจ้าง จะมีเงินเก็บได้ถึงขนาดนั้น ดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำทำให้คนส่วนใหญ่ ไม่มีทางเลือก นอกจากต้องออกไปหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนซึ่งมากกว่าการฝากเงินในธนาคาร

  ทางเลือกหนึ่งทีเป็นที่นิยมกันคือการซื้อพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งถ้ามองในเรื่องความเสี่ยงแล้วคนส่วนใหญ่เชื่อว่า ความเสี่ยงของพันธบัตรอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากรัฐบาลเป็นประกัน ตอนนี้พันธบัตรของ รัฐบาลไทยให้ดอกเบี้ยอยู่ราวๆ 3.5-4% แต่ถ้าเป็นพันธบัตรรัฐบาลของต่างประเทศ บางประเทศ ให้ดอกเบี้ยสูงมากถึง 8-9% แต่ทั้งนี้ผู้ซื้อต้องรับความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเอง ทางเลือกที่สอง คือการซื้อทองคำเก็บไว้ ด้วยความเชื่อที่ว่าราคาทองคำในระยะยาวนั้นจะชนะ เงินเฟ้อ ยิ่งถ้ามองย้อนกลับไปในช่วง 15 ปีพบว่าราคาทองขึ้นมามากกว่า 3 เท่า ผู้คนจึงให้ความ สนใจ ทางเลือกที่สาม คือการเข้าซื้อหุ้นในกิจการที่เกี่ยวกับสาธารณูปโภคเพราะเชื่อว่าเป็นสิ่ง จำเป็น และไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจเป็นอย่างไรคนก็ยังต้องกินต้องใช้ ดังนั้นหุ้นที่เกี่ยวกับการผลิต ไฟฟ้า ประปา จึงน่าสนใจ

  แต่ทางเลือกทั้งสามจะเป็นการลงทุนที่ปลอดภัย 100% ที่นักลงทุนสามารถซื้อและถือลืมไปได้เลย โดยไม่มีโอกาสขาดทุนจริงหรือ? เราจะย้อนไปดูประวัติศาสตร์เพื่อตอบคำถามเหล่านี้กัน ในหนังสือ This time is different: Eight centuries of Financial Folly ได้รวบรวมการผิดนัดชำระหนี้และการปรับโครงสร้างหนี้ของประเทศต่างๆในรอบ 200 ปีที่ผ่านมาพบว่า มีถึง 82 ประเทศที่มีปัญหาทางการเงิน บางประเทศมีปัญหามากกว่า 5 ครั้ง ประเทศที่มีความมั่งคั่งสูงอย่าง เยอรมัน หรือ อังกฤษ ก็เคยประสบปัญหาเหมือนกัน ดังนั้น การลงทุนในพันธบัตร โดยเฉพาะพันธบัตรต่างประเทศ ก็นับว่าไม่ปลอดภัยร้อยเปอร์เซนต์ แล้วทองล่ะ? ถ้าเราหันมาดูราคาทองคำในรอบสี่สิบปีที่ผ่านมาจะเห็นว่ามีรอบการขึ้นใหญ่ อยู่สองรอบ คือในช่วง ปี 1979-1982 และในช่วง 2000-2012 การจับจังหวะของวัฏจักร เป็นเรื่องสำคัญ ถ้าคุณพลาดไปซื้อทองในปี 1980 ที่ราคา 700$/ounce คุณต้องรอไปอีก 27 ปีถึงจะได้ทุนคืน

  หุ้นสาธารณูปโภคที่ดูเหมือนจะปลอดภัยมาก แต่ในสถานะการณ์การเงินโลกที่มีความไม่แน่นอนสูงในปัจจุบันนี้ แม้แต่มืออาชีพอย่างผู้จัดการกองทุนชื่อ John Paulson ก็ยังพลาด ซึ่งนิตยสาร FORTUNE รายงานว่าเขาได้เข้าไปซื้อหุ้น Athen Water ของกรีซเมื่อปีที่แล้วมูลค่ากว่า สี่พันล้านบาท กิจการนี้เป็นกิจการผูกขาด แต่ตอนนี้กิจการมีปัญหาเนื่องจากขายน้ำประปาให้รัฐ แต่รัฐไม่มีเงินจะชำระหนี้ คาดกันว่าตอนนี้ Paulsonขาดทุนไปมากกว่า 50%แล้ว

  ดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำอาจจะมีผลดีในแง่กระตุ้นการลงทุนได้มากขึ้น แต่ในอีกด้านหนึ่ง คนที่ไม่มี รายได้ประจำโดยเฉพาะคนวัยเกษียณไม่สามารถดำรงชีพได้ด้วยดอกเบี้ยเงินฝากเพียงอย่างเดียว คนกลุ่มนี้ต้องดิ้นรนเพื่อหาผลตอบแทนในการลงทุนที่สูงขึ้น แต่เพราะขาดความชำนาญ ทำให้อาจ มองการลงทุนด้วยภาพที่สวยหรูเพียงอย่างเดียว ไม่ได้สนใจความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น บางคน ไม่มีความรู้เรื่องการลงทุนเลย แต่ต้องออกไปสู้ในตลาดทุนตลาดเงินเพราะรายได้หลังเกษียณ ไม่พอเลี้ยงชีพ ต้องออกไปสู้เพราะตอนนี้หลังชนฝาแล้ว การตัดสินใจในการลงทุนอาจทำโดย การอ่านข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์มาสองสามบรรทัดแล้วลงทุนเลย ทำให้ผิดพลาดได้ง่าย  เพื่อที่จะฝ่าวงล้อมทุนนิยมนี้ไปได้ ผมใคร่ขอแนะนำให้ทุกบ้านทุกครัวเรือน เริ่มศึกษาหา ความรู้ในการลงทุนอย่างจริงจัง หากท่านไม่ถนัดในเรื่องเงินทอง ก็อาจจะมองหาลูกหลานที่มีแวว เพื่อปั้นขึ้นมาเป็นดาวเด่นในเรื่องลงทุนของครอบครัวท่าน ทั้งนี้เพราะในภาวะดอกเบี้ยต่ำที่ยาวนาน ความรู้เรื่องการลงทุนเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกบ้านควรมีเป็นสมบัติของตัวเอง