งบดุล/สินทรัพย์ เงินสดและเงินลงทุนระยะสั้น สินค้าคงคลัง ลูกหนี้การค้า – สุทธิ ค่าใช้จ่ายล่วงหนี้ | $4,208 2,220 3,317 2,260 |
สินทรัพย์หมุนเวียนอื่นๆ 0 | |
รวม สินทรัพย์หมุนเวียน | 12,005 |
ที่ดิน/โรงงาน/เครื่องจักร ค่าความนิยม – สุทธิ สินทรัพย์ไม่มีตัวตน – สุทธิ การลงทุนระยะยาว สินทรัพย์ไม่หมุนเวียนอื่นๆ | 8,493 4,246 7,863 7,777 2,675 |
สินทรัพย์อื่นๆ 0 | |
รวม สินทรัพย์ | $43,059 |
นี่คือที่ที่เก็บสิ่งดีๆ ทั้งหมด คือ : เงินสด โรงงาน เครื่องจักร สิทธิบัตร และอื่นๆที่หมายถึงความมั่งคั่ง สิ่งเหล่านี้พบได้ในงบดุลของบริษัท ภายใต้หมวด สินทรัพย์
ในงบดุล นักบัญชีได้แบ่งสินทรัพย์ของบริษัทออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่มานานแล้ว คือ : สินทรัพย์หมุนเวียน และสินทรัพย์อื่นๆทั้งหมด
สินทรัพย์หมุนเวียน ประกอบด้วย ‘เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด’ ‘การลงทุนระยะสั้น’ ‘ลูกหนี้การค้าสุทธิ’ ‘สินค้าคงคลัง’ และสินทรัพย์เบ็ดเตล็ดซึ่งรวมเรียกว่า ‘สินทรัพย์อื่นๆ’ ทั้งหมดนี้เรียกว่าสินทรัพย์หมุนเวียน เพราะว่ามันคือเงินสด หรือสิ่งที่สามารถเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ในเวลาที่สั้นมาก (ปกติภายใน 1 ปี) ตามกฎแล้ว สิ่งเหล่านี้จะถูกบันทึกในงบดุลเรียงตามลำดับของสภาพคล่อง (หมายความว่า ความง่ายในการเปลี่ยนเป็นเงินสด) ในอดีตสินทรัพย์หมุนเวียนมีชื่อเรียกภาษาอังกฤษแตกต่างกันคือ quick assets, liquid assets, หรือ floating assets ซึ่งแสดงถึงความคล่องตัวในการเปลี่ยนสินทรัพย์เหล่านี้เป็นเงินสด ที่สามารถนำมาใช้ได้เมื่อเศรษฐกิจของบริษัทเริ่มมีปัญหาและแหล่งทุนสำหรับใช้ในธุรกิจประจำวันเริ่มร่อยหรอ นี่คือคุณลักษณะสำคัญของสินทรัพย์เหล่านี้ (หากคุณนึกภาพไม่ออกว่าทุนในการดำเนินธุรกิจสามารถหายเกลี้ยงไปได้ในชั่วข้ามคืนขอให้นึกถึงแบร์ สเติร์นส์)
สินทรัพย์อื่นๆ คือสินทรัพย์ที่ไม่หมุนเวียน ซึ่งหมายความว่าไม่สามารถเปลี่ยนหรือจะเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ในอีก 1 ปีข้างหน้า สินทรัพย์เหล่านี้จะถูกบันทึกแยกออกมาถัดจากหมวดสินทรัพย์หมุนเวียน โดยในหมวดนี้จะประกอบไปด้วย การลงทุนระยะยาว อาคาร-ที่ดิน/โรงงาน/เครื่องจักร ค่าความนิยม สินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้ ค่าตัดจำหน่ายสะสม สินทรัพย์อื่นๆ และค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสินทรัพย์ระยะยาวที่รอการตัดบัญชี
สินทรัพย์ทั้ง 2 กลุ่มที่กล่าวมารวมกันเป็นยอดรวมสินทรัพย์ของบริษัท จากการดูคุณภาพและปริมาณของสินทรัพย์แต่ละกลุ่มหรือทั้ง 2กลุ่มรวมกัน ทำให้เวอร์เรนได้ทราบอะไรหลายอย่างเกี่ยวกับเศรษฐกิจของธุรกิจ รวมทั้งทราบว่าบริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืน อันเป็นสิ่งที่เขาต้องการในการทำให้เขารวยล้นฟ้าหรือไม่ด้วย
นี่คือเหตุผลว่า ทำไมเราจะใช้พื้นที่ในอีกสองสามบทข้างหน้าพูดถึงสินทรัพย์แต่ละหมวด และวอร์เรนใช้ข้อมูลนี้อย่างไรในการบ่งชี้บริษัทที่มีความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืน
เราจะมาดูสินทรัพย์แต่ละประเภท เพื่อดูว่าจะสามารถใช้แต่ละกลุ่มหรือทั้ง 2 กลุ่มรวมกัน เพื่อช่วยในการบ่งชี้ธุรกิจชั้นยอดซึ่งมีความได้เปรียบในการแข่งขันที่มั่นคงเหมือนคู่แข่งได้อย่างไร