Friday, January 9, 2015

ปีใหม่ 2558 โอกาสลงทุน ท่ามกลางความท้าทาย

 

    ในปี 2557 ที่ผ่านมา แม้ตลาดเงินตลาดทุนโลกจะมีความผันผวนสูงจากหลายปัจจัยทั้งการชะลอมาตรการ QE ของสหรัฐฯ QE Tapering) ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจของกลุ่มยูโร และการลดลงอย่างแรงของราคาน้ำมันในตลาดโลก  แต่ก็ถือว่าเป็นปีที่ดีสำหรับการลงทุนทั้งในพันธบัตรและหุ้น  การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลโลกและไทยโดยรวมให้ผลตอบแทนสูงถึงประมาณ 7-9%  สำหรับการลงทุนในหุ้น ผลตอบแทนจะแตกต่างกันไปตามภูมิภาค ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และญี่ปุ่นให้ผลตอบแทนประมาณ 10-12% ซึ่งเป็นอัตราที่สูงเป็นปีที่สามติดต่อกัน ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียก็เพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรง นำโดยตลาดหุ้นจีน A-share) ที่ดัชนีเพิ่มขึ้นกว่า 50% ถือเป็นอันดับ 1 ของโลก และในกลุ่ม Top 10 ก็เป็นตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียถึง 7 แห่งรวมถึงตลาดหุ้นไทย ที่ให้ผลตอบแทนที่ 15.32% ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 45,466 ล้านบาทต่อวัน โดยมีหลักทรัพย์ใหม่เพิ่มขึ้น (IPO) ทั้งสิ้น 46 หลักทรัพย์ อันเป็นผลจากการเมืองที่มีเสถียรภาพทำให้รัฐสามารถขับเคลื่อนมาตรการด้านเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

  สำหรับปี 2558 นั้น จะเป็นปีที่การลงทุนมีความท้าทายอีกปีหนึ่ง เพราะเป็นปีที่จะเห็นความแตกต่างกันในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของหลายประเทศ (Policy Divergence) ที่สำคัญคือ ระหว่างสหรัฐ กับ กลุ่มยูโรและญี่ปุ่น ที่เราน่าจะเห็นธนาคารกลางสหรัฐ Fed) เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในทางตรงข้าม ธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB และ ธนาคารกลางญี่ปุ่น อาจมีความจำเป็นต้องดำเนินมาตรการ Public QE ต่อเนื่อง เพื่อฉุดให้รอดพ้นจากความเสี่ยงด้านเงินฝืด Deflation) แม้ว่าการดำเนินนโยบายเหล่านี้จะอยู่ในการคาดการณ์ของผู้ลงทุนแล้ว แต่ประเด็นที่ต้องจับตา คือ Reaction ของผู้ลงทุนกลุ่มที่มีการ leverage สูงหรือลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น Emerging Market Asset จะเป็นอย่างไรหากถึงเวลาที่ Fed ปรับขึ้นดอกเบี้ยขึ้น รวมทั้งค่าเงินดอลลาร์ สรอ. ที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นจากการดำเนินมาตรการ QE ของประเทศอื่นจะไปเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจสหรัฐหรือไม่

  ในส่วนของประเทศไทยนั้น คาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ดี โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำไปอีกระยะและราคาน้ำมันที่ลดลงจะช่วยลดต้นทุนของผู้ประกอบการและเพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภค นอกจากนี้ เราน่าจะเห็นความก้าวหน้าของโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานซึ่งล่าสุดรัฐบาลตั้งเป้าว่าจะเร่งโครงการรถไฟฟ้าและรถไฟรางคู่หลายสายให้สามารถประมูลและเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2558

  นอกเหนือไปจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งแล้ว เรายังได้สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ๆ ที่เกิดจากความร่วมมือกับประเทศในภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) ที่ประกอบไปด้วย ไทย จีน เมียนมาร์ เวียดนาม กัมพูชา และลาว ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตในอัตราสูง โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) มีวิสัยทัศน์ที่จะผลักดันและสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางตลาดทุนในภูมิภาคนี้ เพื่อเป็นแหล่งระดมทุนของผู้ประกอบการไทยในการขยายธุรกิจและเสริมสร้างศักยภาพ ตอบรับกับโอกาสการขยายธุรกิจในภูมิภาค โดยสามารถระดมทุนได้ทั้งในรูปแบบของการออกหุ้นสามัญและการออกตราสารหนี้ รวมไปถึงหุ้นใหม่ๆ จากกลุ่มประเทศ GMS ที่ ตลท. จะให้การสนับสนุนและชักชวนผู้ประกอบการในต่างประเทศมาระดมทุนในตลาดไทย

  จะเห็นได้ว่าสถานการณ์ภายนอกประเทศในปีนี้อาจคาดการณ์ได้ยาก และมีปัญหามากมายที่คอยท้าทายผู้กำหนดนโยบาย ดังนั้น ผู้ลงทุนคงต้องระมัดระวังการลงทุนระยะสั้นที่อาจมีความผันผวน แต่ดิฉันยังเชื่อว่าประเทศไทยมีโอกาสที่จะสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีได้ในปี 2558 นี้ ทั้งจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ประกอบกับความร่วมมือระหว่างประเทศที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้แก่ประเทศไทยในเวทีโลก ซึ่งจะส่งผลให้การลงทุนระยะยาวในหุ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมวดธุรกิจที่เติบโตตามเศรษฐกิจของประเทศสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ รวมทั้งโอกาสการลงทุนในบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนใหม่ในตลาดทั้งจากในและต่างประเทศ สุดท้ายนี้ ดิฉันขอถือโอกาสกล่าวสวัสดีปีใหม่แก่ท่านผู้อ่านทุกท่านค่ะ

Blog คุณ เกศรา  มัญชุศรี
http://portal.settrade.com/blog/kesara/2015/01/09/1511