Tuesday, January 6, 2015

บัฟเฟตต์ ข้างบ้าน


ในช่วงที่ตลาดหุ้นเป็นกระทิงยาวนานนั้น ปรากฏการณ์อย่างหนึ่งที่เรามักพบเห็นเสมอ ก็คือ มีนักลงทุนจำนวนไม่น้อยที่สามารถทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำจากตลาดหุ้น  ผลตอบแทนที่พวกเขาได้รับ หลายๆ คน สามารถทำได้สูงลิ่วอย่างไม่น่าเชื่อ จำนวนไม่น้อยสูงยิ่งกว่า "วอร์เรน บัฟเฟตต์"  ไม่ว่าจะวัดกันในช่วงเวลาไหนในเวลาที่เท่าๆ กัน


ตัวอย่างเช่น  นาย ก. ลงทุนมา 10 ปี ผลตอบแทนเฉลี่ยแบบทบต้นที่ทำได้สูงถึงปีละกว่า 40% ขณะที่บัฟเฟตต์ ไม่เคยทำได้ ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่พอร์ตเขายังเล็กที่การสร้างผลตอบแทนสูงยังทำได้ง่าย หรือในช่วง "ยุคทอง" ไหนของบัฟเฟตต์ก็ตาม ว่าที่จริงปีที่บัฟเฟตต์ทำผลตอบแทนได้ถึง 40% นั้นก็มีไม่เกิน 10 ปีในช่วงเวลากว่า 50 ปีของชีวิตการลงทุนของบัฟเฟตต์


ดังนั้น  ถ้าจะวัดกันที่ผลการลงทุนเป็นเปอร์เซ็นต์แบบทบต้นต่อปีแล้ว  คนที่ทำได้สูงกว่า วอร์เรน บัฟเฟตต์ นั้น  มีไม่น้อย  เพียงแต่ว่าชื่อเขาอาจจะไม่เป็นที่รู้จักยกเว้นในกลุ่มคนเล็กๆ  ที่เกี่ยวข้องมีความสัมพันธ์กันอยู่  คนเหล่านี้  บางที เราก็เรียกกันว่า "วอร์เรน บัฟเฟตต์  ข้างบ้าน"  อย่างไรก็ตาม  ระหว่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ ข้างบ้าน  กับ วอร์เรน บัฟเฟตต์  ตัวจริง นั้น  มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญที่เราควรรู้


ข้อแรก ก็คือ  ระยะเวลาการลงทุนของ "วอร์เรน ข้างบ้าน"  นั้น มักจะสั้นกว่ามาก  ส่วนมากก็มักจะไม่เกิน 10 ปี ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง  ส่วนใหญ่อาจจะลงทุนมาแค่ 5-6 ปี  แต่ผลตอบแทนอาจจะสูงกว่าที่บัฟเฟตต์ทำได้ในเวลา 10 ปี  พูดง่าย ๆ   บัฟเฟตต์นั้น "ชิดซ้าย"  ไปได้เลย  อย่างไรก็ตาม  ผลตอบแทนที่ทำได้สูงลิ่วนั้น  ส่วนมากมาจากเงินต้นจำนวนที่ค่อนข้างต่ำ  ดังนั้น  พวกเขาก็ยังมักจะไม่รวยมาก  แม้ว่าบางคนก็อาจเข้าข่าย "เศรษฐี"  ย่อยๆ  ได้เหมือนกัน


ข้อสอง  ผลตอบแทนของ วอร์เรน ข้างบ้าน ที่ทำได้สูงลิ่วนั้น  มักจะทำได้ในช่วงที่ตลาดหุ้นบูมมากและต่อเนื่องยาวนาน  ถ้าจะมีการปรับตัวก็เป็นการปรับตัวในระยะเวลาสั้นๆ  ถ้าคิดถึงตลาดหุ้นไทย ก็คือ ช่วงเวลานี้ที่ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องมานับสิบปีแล้วหลังจากวิกฤติในปี 2540 ที่ดัชนีหุ้นเคยตกต่ำลงไปเหลือแค่ 200 จุดต้น ๆ จนถึง 1,000 จุดในช่วงนี้   ในขณะที่ บัฟเฟตต์ ตัวจริงนั้น  ผ่านสถานการณ์ตลาดหุ้นมาทุกสถานการณ์  ตั้งแต่ดีสุดถึงร้ายสุด  ตลอดระยะเวลากว่า 50 ปี


ข้อสาม  ผลตอบแทนของ วอร์เรน ข้างบ้าน  ปีต่อปี นั้น  มักจะไม่สม่ำเสมอ  บางปีก็ได้ไม่มากและบางปีอาจจะถึงกับขาดทุน  แต่ในบางปีโดยเฉพาะในปีท้ายๆ  ของการวัดผลงานนั้น  พวกเขามักทำผลตอบแทนได้อย่างมโหฬารคิดเป็นหลายร้อยเปอร์เซ็นต์  ซึ่งทำให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงลิ่ว  ในขณะที่ วอร์เรน ตัวจริงนั้น  ผลตอบแทนค่อนข้างสม่ำเสมอ  น้อยครั้งที่พอร์ตของเขาจะขาดทุน  ในช่วงเวลากว่า 50 ปี  เขาเคยขาดทุนไม่น่าจะเกิน 5 ปี  นี่เป็นการแสดงให้เห็นว่า การลงทุนของบัฟเฟตต์ตัวจริงนั้นมีความเสี่ยงต่ำกว่ามาก


ข้อสี่ หุ้นที่ บัฟเฟตต์ ข้างบ้าน ลงทุนนั้น  มักจะเป็นหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมที่กำลังร้อนแรง  หรือเป็นหุ้นที่มีการเก็งกำไรร้อนแรง  ซึ่งทำให้ได้ผลตอบแทนสูงลิ่วในระยะเวลาสั้นๆ   ในขณะที่หุ้นที่ บัฟเฟตต์ ตัวจริง ลงนั้น  มักจะเป็นหุ้นในอุตสาหกรรมปกติที่มีความได้เปรียบที่ยั่งยืน  มีผลประกอบการดี  และให้ผลตอบแทนที่สูงสม่ำเสมอต่อเนื่องยาวนาน


ข้อห้า  วอร์เรน ข้างบ้าน  นั้น  มักจะมีการซื้อขายหุ้นในระยะเวลาที่สั้น  โดยทั่วไป มักจะถือหุ้นเฉลี่ยไม่เกินหนึ่งปี  พวกเขาทำกำไรโดย การ  "หมุนหุ้น"  ซื้อหุ้นที่มีโอกาสดีดตัวอย่างแรงจากปัจจัยบางอย่าง  เมื่อหุ้นขึ้นถึงจุดหนึ่งก็ขาย  แล้วไปจับหุ้นตัวใหม่ที่น่าจะมี  "Upside" หรือโอกาสในการวิ่งขึ้นสูงกว่า  ในขณะที่ บัฟเฟตต์ ตัวจริง  นั้น  ซื้อหุ้นแล้วแทบไม่ขาย  ปล่อยให้ผลตอบแทนของหุ้นโตตามผลประกอบการของบริษัท


ข้อหก  ในแง่ของจำนวนหุ้นที่ถือในช่วงเวลาหนึ่งๆ  บัฟเฟตต์ ข้างบ้าน  มักลงทุนตามแบบบัฟเฟตต์ ตัวจริง  นั่นก็คือ  ถือหุ้นน้อยตัวหรือลงทุนแบบ  Focus  เพียงแต่ว่า  วอร์เรน  ข้างบ้าน  นั้น  มักจะถือหุ้นน้อยตัวยิ่งกว่า  หลายคนถือหุ้นเพียงตัวเดียวหรือสองสามตัวในช่วงเวลาหนึ่งๆ  หรือหุ้นตัวสองตัวก็คิดเป็น 80-90%  ของพอร์ตไปแล้ว  ในขณะที่ บัฟเฟตต์ ตัวจริง  นั้นน้อยครั้งที่เขาจะมีหุ้นตัวใดตัวหนึ่งคิดเป็น 40-50%  ของพอร์ต  และนั่นคือ ช่วงเวลาที่พอร์ตของเขายังไม่ใหญ่มาก  ในช่วงปัจจุบัน  ผมคิดว่าหุ้นแต่ละตัวน่าจะมีมูลค่าไม่เกิน 10-20% ของพอร์ตของบัฟเฟตต์


ข้อเจ็ดและเป็นข้อสุดท้าย ที่ผมจะพูดถึง ก็คือ  ในกรณีของ บัฟเฟตต์ ข้างบ้าน นั้น  กำไรหรือผลตอบแทนที่ทำได้สำหรับบางคนก็เป็น  "กระดาษ"  นี่คือ กรณีที่มีการแสดงผลการลงทุนของพอร์ตที่ไม่ได้ใช้เงินจริง แต่เป็นการ  "แข่งขัน"  ลงทุนระยะยาวตามเว็บไซต์ในต่างประเทศ  ในกรณีแบบนี้เจ้าตัวอาจจะไม่ได้ลงเงินจริงๆ  ก็ได้  และสำหรับนักลงทุนที่ลงทุนจริงๆ  คนส่วนมากก็มักจะไม่ได้เก็บสถิติอย่างละเอียดถี่ถ้วน  และมักจะมีการเติมเงินและถอนเงินเป็นระยะ ดังนั้น  ผลตอบแทนที่อ้างว่าทำได้ก็อาจจะไม่ถูกต้อง  เหนือสิ่งอื่นใด  ข้อมูลผลตอบแทนที่มีการอ้างถึงก็ไม่มีหลักฐานชัดเจนและเป็นข้อมูลที่เปิดเผยพิสูจน์ได้  ตรงกันข้าม  ในกรณีของ บัฟเฟตต์ ตัวจริง นั้นผลตอบแทนที่ทำได้เป็น "ข้อมูลสาธารณะ"  ที่เขาต้องประกาศทุกปีในฐานะห้างหุ้นส่วน และต่อมา เป็นบริษัทมหาชน


กล่าวโดยสรุปสำหรับความแตกต่างระหว่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ ตัวจริง กับ วอร์เรนบัฟเฟตต์ ข้างบ้าน ก็คือ  วอร์เรน ตัวจริง นั้น เขาประสบความสำเร็จในฐานะที่เป็นนักลงทุนระยะยาว ที่เน้นการลงทุนในหุ้นของกิจการที่มีผลประกอบการที่ดีสม่ำเสมอและปลอดภัยจริงๆ  ในทุกสถานการณ์  เขาไม่เก็งกำไรและมีการกระจายความเสี่ยงโดยการถือหุ้นในระดับที่เหมาะสมไม่น้อยหรือมากตัวเกินไป  ในขณะที่ วอร์เรน ข้างบ้านนั้น  ถึงแม้ว่าพวกเขาจะทำผลงานได้ดีเท่าหรือเหนือกว่าบัฟเฟตต์ตัวจริง  แต่ความเสี่ยงก็สูง  จำนวนมากนั้นมีลักษณะแบบนักเก็งกำไร  ในสถานการณ์ที่ตลาดหุ้นบูมปัญหาก็ไม่มี  อย่างไรก็ตาม  โชคอาจจะไม่ดีเสมอไป  ดังนั้น  เมื่อมาถึงจุดที่ตลาดไม่เอื้ออำนวย  ผลงานของบัฟเฟตต์ ข้างบ้าน ก็มักจะด้อยลงไปมาก  เช่นเดียวกัน  พอร์ตที่ใหญ่ขึ้นมากก็มักไม่เอื้อให้ บัฟเฟตต์ ข้างบ้าน สามารถดำเนินกลยุทธ์เดิมๆ  ได้ง่าย  และนั่นเป็นเหตุให้  วอร์เรน บัฟเฟตต์ ข้างบ้าน  ส่วนใหญ่ไม่สามารถสร้างผลตอบแทนสูงแบบเดิมต่อไปได้นานพอที่จะทำให้เขารวยมากจนเป็นที่สังเกตของคนในสังคมวงกว้างได้