Wednesday, February 26, 2014

VI เทคนิคการค้นหาหุ้นดี ราคาถูก จอห์น เนฟฟ์ John neff



ติดตามหุ้นที่ราคาลดลงทุกวัน

           จอห์น  เนฟฟ์แนะนำว่าให้คอยจับตาดูราคาหุ้นในช่วงที่ตลาดขาลง ลองดูว่ามีหุ้นตัวไหนที่ทำสถิติราคาต่ำกว่าที่เคย (New Low) ลงมา 2-3 วัน  และมีราคาใกล้เคียงกับราคาต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์  โดยเราอาจจะตั้งเกณฑ์เอาไว้  เช่น  ถ้าราคาลดลง 8-30% หรือมากกว่า  เราคิดว่าหุ้นนี้น่าสนใจและคุึ้มที่จะเข้าไป "วิเคราะห์หุ้นตัวนี้" เพราะนั่นอาจทำให้เราซื้อหุ้นของบริษัทที่ดีได้ในราคาถูก  และมีโอกาสได้กำไรในอนาคต

ค้นหาบริษัทที่มีคุณภาพ ในยามภาวะเศรษฐกิจหรือธุรกิจคับขัน

           บริษัทจดทะเบียนต่างๆ ต้องต่อสู้ในโลกธุรกิจกันอย่างไม่หยุดหย่อน   ไม่ว่าในภาวะเศรษฐกิจรุ่งเรืองหรือตกต่ำ  ความสำเร็จของธุรกิจอาจมาจากการใช้จุดแข็ง  แก้ไขจุดอ่อนภายในกิจการ  การใช้โอกาสและลดอุปสรรคจากปัจจัยภายนอก  ในช่วงเศรษฐกิจรุ่งเรือง  บริษัทจดทะเบียนจำนวนมากได้อานิสงส์จากผลบวกของปัจจัยภายนอก  การทำธุรกิจจึงไม่ค่อยลำบากมากนัก  แต่ในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ หลายๆ บริษัท (ที่ยามปกติมีปัจจัยพื้นฐานดี) ก็ต้องพยายามขวนขวายเอาตัวรอด  ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าต่างๆ มากมาย  ซึ่งต้องใช้เวลาพิสูจน์ว่าจะผ่านวิกฤตไปได้หรือไม่  แต่นักลงทุนอาจไม่มั่นใจกับภาวะการณ์หรือไม่ทันได้สังเกตจุดที่น่าสนใจของบริษัทนั้นๆ จึงแห่ขายหุ้นออกไป  จนทำให้ราคาหุ้นตกไปอย่างมาก

            จอห์น  เนฟฟ์ เล่าประสบการณ์จากกรณีบริษัท Owens Corning ซึ่งเป็นผู้ผลิตไฟเบอร์กลาสรายใหญ่ในช่วงทศวรรษ 1980 โดยในปี 1986 บริษัทแห่งนี้ป้องกันตนเองจากการถูกซื้อกิจการ  โดยกู้เงินจำนวนมากเพื่อซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้น  และออก Stub Shares เพื่อแทนสัดส่วนของผู้ถือหุ้นเดิม  การปรับโครงสร้างใหม่นี้ทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นในงบดุลติดลบ  มูลค่าตามบัญชีต่ำกว่าศูนย์  ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่มั่นใจ  เทขายออกมา  จนทำให้ P/E ต่ำ เหลือประมาณ 5.5 เท่า  แต่กองทุน Windsor คาดว่าอุตสาหกรรมไฟเบอร์กลาส์ยังไปได้ดี  รายได้และกำไรในอนาคต  น่าจะช่วยลดภาระหนี้ได้  แม้จะยังไม่สามารถจ่ายปันผลได้ในปัจจุบัน  แต่ถ้าระดับส่วนของผู้ถือหุ้นที่จะเพิ่มขึ้นในภายหลัง  จะทำให้กลับมาจ่ายเงินปันผลได้ผลที่เกิดจริงหลังจากนั้น  คือ บริษัทเริ่มมีกำไรในปี 1991 และกองทุน Windsor ขายหุ้น Owens Corning ไปในราคา 2 เท่าของราคาทุนในปี 1993

ค้นหาบริษัที่ดีที่ถูกจำแนกผิดประเภท

         บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์  จะถูกจำแนกเข้าอยู่ในหมวดอุตสาหกรรม (Industry) ใดอุตสาหกรรมหนึ่ง  เพื่อให้ง่ายต่อการเลือกลงทุน  การกำหนดประเภทของอุตสาหกรรมที่บริษัทจะเข้าไปอยู่ อาจพิจารณาจากลักษณะของผลิตภัณฑ์  ธุรกิจ  และข้อจำกัดที่อาจไม่สามารถเปิดกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ที่เหมาะสมกว่าได้  เราอาจใช้จุดนี้ในการค้นหาหุ้นดีที่ถูกจำแนกผิดประเภทได้

         จอห์น  เนฟฟ์  มีประสบการณ์จากการลงทุนในหุ้น Bayer AG ในช่วงปลาย 1990 ซึ่งขณะนั้น หุ้น Bayer ถูกจัดให้อยู่ในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์  ทั้งๆ ที่รายได้ 1 ใน 3 มาจากผลิตภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ  ในขณะที่ 8%  มาจากเคมีเกษตร และ 13% มาจากเคมีภัณฑ์เกี่ยวกับการถ่ายภาพ  ซึ่งสรุปโดยรวมว่า  รายได้ประมาณครึ่งหนึ่งของ Bayer ไม่ได้ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจโดยตรง  ต่อมาภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ  ส่งผลให้หมวดอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์มีราคาหุ้นตกต่ำด้วย  ราคาหุ้น Bayer ลดลงถึง 35% ตอนที่กองทุน Windsor เข้าไปซื้อหุ้น Bayer P/E ของ Bayer มีค่าประมาณ 6 เท่า  จากการที่โครงสร้างรายได้ของ Bayer ไม่ผันผวนมากตามวงจรเศรษฐกิจ  เมื่อเศรษฐกิจกลับมารุ่งเรืองผลประกอบการที่กลับมาดี  ส่งผลให้ราคาหุ้นกลับมาเิ่พิ่มในปี 1993 กองทุน Windsor ได้กำไรจากการขายหุ้น Bayer สูงกว่าตลาด

มองหาบริษัทที่จะลงทุนจากเพื่อนบ้าน

         โอกาสหาหุ้นดีๆ มีอยู่สม่ำเสมอ  จอห์น เนฟฟ์  แนะนำวิธีหาบริษัทจดทะเบียนดีๆ ที่มีผลิตภัณฑ์วางขายอยู่ในศูนย์การค้า  หรือจะพูดคุยกับพ่อค้าปลีกแถวบ้าน  หรือฟังความเห็นของวัยรุ่น  จึงจะรู้ว่าตลาดนิยมบริโภคอะไร  ของใคร ตัวอย่างการลงทุนกรณีของ Windsor คือ เฝ้าติดตามหุ้นของ Pier One Imports ซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกอุปกรณ์ตกแต่งบ้านและสินค้าเกี่ยวกับบ้านชั้นนำของสหรัฐฯ เช่น เฟอร์นิเจอร์  ตะกร้า  หมอน  วัสดุปูพื้น  เป็นต้น  แต่ P/E ของหุ้นนี้ ในขณะนั้นสูงเกินไป  แม้ว่าจะมั่นใจในธุรกิจก็ตาม  กองทุน Windsor รอคอยจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ Black Monday ในเดือนตุลาคม ปี 1987 ตลาดหุ้นตกต่ำ  กองทุน Windsor เข้าซื้อ Pier One Imports ในปี 1989 ขณะที่ P/E มีค่าประมาณ 8 เท่าเท่านั้น  ไม่ค่อยมีนักลงทุนมองเห็นกำไรต่อหุ้นของ Pier One Imports ว่ากลับมาเพิ่มขึ้นถึง 47% ในปี 1988 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 25% ในปี 1989 ผลลัพธ์ก็คือ  กองทุน Windsor สามารถได้กำไรจากการขายหุ้น Pier One Imports เพิ่มขึ้นอีกเกือบเท่าตัวภายในเวลา 6 เดือนหลังจากนั้น

พัฒนาความคิดเห็นเป็นลำดับขั้น

       จอห์น  เนฟฟ์ เห็นว่าการลงทุนไม่ใช่ธุรกิจซับซ้อน  แต่คนทำให้ซับซ้อนเอง  เราควรเรียนรู้โดยการพัฒนาความคิดเห็นให้เป็นลำดับขั้นตอน (Curbstone Opinions) โดยตั้งข้อสังเกตที่เป็นประโยชน์จากข้อมูลทั่วไปของบริษัท  อุตสาหกรรม และภาวะเศรษฐกิจที่มีผลต่อบริษัที่เราสนใจอยู่  ซึ่งอาจจะตั้งคำถามและหาคำตอบให้กับคำถามเหล่านี้ เช่น
  • อะไรที่ทำให้บริษัทมีชื่อเสียง (และจำทำชื่อเสียงได้ต่อไป) ?
  • ธุรกิจมีแนวโน้มเติบโตหรือไม่?
  • บริษัทเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมหรือไม่?
  • แนวโน้มของการเติบโตของอุตสาหกรรมเป็นอย่างไร?
  • ผู้บริหารมีภาวะผู้นำในเชิงกลยุทธ์หรือไม่?