Sunday, February 23, 2014

กลยุทธ์การลงทุนในตลาดหุ้น แบบฉบับ VI ห่านทองคำ



          รู้จักธรรมชาติของตลาดหุ้น
          มือใหม่หัดลงทุนเวลามองกระดานหุ้นที่มีสีเขียวๆ แดงๆ ราคาหุ้นต่างๆ เปลี่ยนแปลงขึ้นลงไปมา มักจะมองอย่างกล้าๆ กลัวๆ หลายคนคิดว่าตนเองไม่มีความรู้ดีพอ  กลัวจะเป็นแมงเม่าที่ถูกไฟเผา  ตกเป็นเหยื่อของนักลงทุนที่มีประสบการณ์มากกว่า  เริ่มต้นอยากให้มองว่า ในตลาดหุ้นจะมีการเคลื่อนไหวเพียง 3 อย่าง คือ ขึ้น ลง หรืออยู่นิ่งๆ
  • ราคาหุ้นส่วนใหญ่จะวิ่งขึ้น  เมื่อมีผู้สนใจซื้อ  มากกว่า  ผู้ที่ต้องการจะขาย ซึ่งเราเรียกภาวะเช่นนี้ว่า "ภาวะกระทิง" (Bull Market)
  • ราคาหุ้นส่วนใหญ่จะตกลง  เมื่อมีผู้ต้องการจะขาย  มากกว่า  ผู้สนใจซื้อซึ่งเราเรียกภาวะเช่นนี้ว่า "ภาวะหมี" (Bear Market)
  • ราคาหุ้นส่วนใหญ่อยู่นิ่งๆ หรือเคลื่อนไหวในช่วงแคบๆ เรียกว่า "ภาวะ Sideway" ซึ่งเป็นช่วงที่ทั้งหมีและกระทิงสู้กันจนเหนื่อยต้องมีการพัก
         ในภาวะกระทิง  ราคาหุ้นส่วนใหญ่วิ่งขึ้น  นักลงทุนบางคนรู้สึกคึกคักพากันซื้อมากขึ้น  และคิดว่าคนอื่นก็จะเข้ามาซื้ออีก (ในระยะสั้น) ทำให้ราคาสูงขึ้นอีก  ดังนั้น จึงเข้าใจว่าการทำกำไรจากตลาดหลักทรัพย์ เป็นเรื่องง่ายจนอาจนำมาเป็นค่ากับข้าว (จากตลาดหลักทรัพย์)  ได้แทบทุกวัน

          พอตลาดอยู่นิ่งๆ ( เพราะกระทิงวิ่งจนหมดแรง ) นักลงทุนก็จะเกิดความอึดอัด  เพราะเริ่มหาค่ากับข้าวได้ยากขึ้น  และพอมีข่าวร้ายขึ้นมา  ราคาหุ้นก็เริ่มลด  นักลงทุนเริ่มเทขาย  ราคาหุ้นก็ตกลงไปอีก  ภาวะคุณหมีก็จะปรากฏชัดเจนขึ้น  ใน 3 ช่วงดังกล่าวดูเหมือนว่านักลงทุนจะมีความสุขในการ "ซื้อถูก ขายแพง" ในช่วงตลาดขาขึ้นเท่านั้น

         แต่โอกาสและวิธีการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์  ในแต่ละช่วงจะแตกต่างกันออกไป
  • ในช่วงขาขึ้น  ราคาหุ้นส่วนใหญ่จะสูงขึ้น  การเข้าไปซื้อในช่วงนี้ต้นทุนจะสูงขึ้นและอัตราผลตอบแทนจะลดลง เช่น หุ้นที่เคยมีราคา 20 บาท จ่ายปันผล 2 บาท คิดเป็น Dividend Yield จะได้ 10% แต่ถ้าราคาขึ้นไป 40 บาท และเงินปันผลเท่าเดิม Yield จะเหลือเพียง 5% ในช่วงกระทิงนี้ควร เข้าไปขาย มากกว่า  เพียงแต่จะต้องมีเทคนิคค่อยๆ ทยอยขาย  เพื่อให้ต้นทุนลดลง  และ Yield สูงขึ้นเรื่อยๆ
  • ในช่วงตลาดนิ่งๆ  ควรเป็นช่วงที่นักลงทุนใช้เวลาเพื่อการศึกษาค้นหาว่าหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีอยู่ที่ไหนบ้าง  คัดเลือกไว้ในใจ  รอคอยจังหวะที่ตลาดหมีจะมาเยือน
  • ในช่วงตลาดหมี  คุรเทพมองว่านักลงทุนมักจะกลัวและเทขายออกมาอย่างมากมาย  จนทำให้มีของดี  ราคาถูกออกมาขายปนอยู่ด้วยในตลาด  ซึ่งควรจะเป็นโอกาสทองในการ เข้าไปซื้อ  เหมือนไปช้อปปิ้งในห้างตอนมีการกระหน่ำ Summer Sale
         กลยุทธ์การลงทุนในตลาดหุ้น ( แบบฉบับห่านทองคำ )
                การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ นั้น มีกลยุทธ์ 5 วิธีเท่านั้น ( แบบฉบับห่านทองคำ )
โดยจะสร้างคำให้คล้องจองจำง่ายๆ ดังนี้
  • เล่นกับไฟ
  • ไข่ทองคำ
  • กำไว้แน่น
  • แผนรังนก
  • ชกผ่านสิงห์
             กลยุทธ์ "เล่นกับไฟ"
                  เป็นการลงทุนแบบซื้อหุ้นตัวที่คาดว่าราคาจะขึ้น  โดยอาจจะได้ข้อมูลมาหรือวิเคราะห์เองมาอย่างดีก็ตาม  ซึ่งผมเองตีความว่า  ก็ไม่แปลกเพราะตรงกับ "สัญชาติญานของนักลงทุน" ที่ต้องการ "ซื้อถูก  ขายแพง" เพียงแต่คนที่ลงทุนแบบเล่นกับไฟนี้  เมื่อราคาหุ้นขึ้นมามากบ้าง น้อยบ้างก็ขายเอากำไรไม่ต้องการถือยาว  แต่บ่อยครั้งที่ราคาหุ้นกลับตกลง ไม่ขึ้นตามที่คิด  ก็ต้องยอมตัดขาดทุนขายทิ้ง  ที่เรียกว่า "Cut Loss" คนที่ชอบแบบนี้ซึ่งมีมากก็เพราะเป็นวิธีที่ง่ายใครๆ ก็ทำกัน  แต่ว่า  นี่แหล่ะคือ "แมงเม่า" ที่ชอบเล่นกับไฟซึ่งบ่อยครั้งก็ถูกเผาได้

            กลยุทธ์ "ไข่ทองคำ"
                 เป็นกลยุทธ์ที่คุณเทพ (ผู้เขียนหนังสือกลยุทธ์ห่านทองคำ)  ใช้อยู่ในการลงทุน  วิธีการนี้จะค้นหาหุ้นที่ดี  ราคาสมเหตุสมผล  จ่ายปันผลสม่ำเสมอ  และคุมสติไม่ให้โลภมาก  ปรับพอร์ตบ้าง ( คุณเทพใช้คำว่าตกแต่งสวน ) โดยทยอยขายเมื่อราคาขึ้น  เคล็ดลับจึงอยู่ที่การค้นหาหุ้นห่านทองคำที่จะสามารถออกไข่ทองคำสม่ำเสมอ  และเมื่อห่านทองคำในฟาร์มของเราโตขึ้นก็ต้องแบ่งขายออกไปบ้าง  นักลงทุนที่ชอบสไตล์การลงทุนแบบนี้ต้องเรียนรู้ด้านการเงิน  มีเวลาติดตามบ้าง  แต่มีข้อดี คือ ไม่ต้องตื่นเต้น คอยติดจอหุ้นตลอดเวลา

            กลยุทธ์ "กำไว้แน่น"
                   กลยุทธ์นี้เป็นญาติสนิทกับกลยุทธ์ "ไข่ทองคำ" ตัวอย่างที่สำคัญได้แก่  การลงทุนแบบ Value Investor ( VI ) ของ วอร์เร็น บัฟเฟตต์  วิธีการนี้จะค้นหาหุ้นห่านทองคำที่ไข่ทองคำได้เหมือนกัน  แต่จะถือไว้นานมาก  และรอคอยจนห่านทองคำโตเต็มที่และขายออกไปภายหลัง  วิธีการลงแบบนี้จึงต้องมีสายป่านยาวและเป็นเงินเย็น

           กลยุทธ์ "แผนรังนก"
                  กลยุทธ์นี้เหมาะสมกับนักลงทุนมือใหม่  ซึ่งมีเงินลงทุนน้อย  ค่อยๆ หาหุ้นดี  สะสมเข้าพอร์ตตามกำลังที่มี  เข้ากับตำราที่ว่า "นกน้อยทำรังแต่พอตัว" รอคอยจนกว่ารังนกนั้นจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ผมตีความว่า กลยุทธ์นี้ก้เป็นญาติสนิทของ "ไข่ทองคำ"  และ  "กำไว้แน่น"  เช่นกัน  เพราะการหาหุ้นดีเข้ารังนกก็ควรเป้นหุ้นห่านทองคำนั่นแหล่ะ  แต่ก็ไม่ได้มีวิธีเดียวนะคับ เพราะของที่ให้เลือกอาจมีหุ้นในลักษณะอื่นอีก  เช่น  ห่านเนื้อ (หุ้นของบริษัทที่โตเร็ว)  ห่านวัยรุ่น ( หุ้นของบริษัทที่เริ่มเข้ามาในตลาด ) ห่านบาดเจ็บ (หุ้นที่อาจฟื้นตัวภายหลัง) เป็นต้น

           กลยุทธ์ "ชกผ่านสิงห์"
                  วิธีการนี้คือการลงทุนผ่านกองทุนรวม  ซึ่งเปรียบเสมือนสิงโต  ซึ่งเป็นเจ้าป่าเป็นที่พึ่งพิงของนักลงทุนตัวเล็กๆ อย่างเราซึ่งมีอีกจำนวนมาก ถ้าเรามีเงินลงทุนไม่มากและขาดความรู้ความเข้าใจทางการเงิน  รวมทั้งไม่มีเวลาติดตามจึงต้องอาศัยสิงโตเป็นผู้คุ้มครองและลงมือลงทุนแทนเรา เพราะกองทุนรวมจะมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่จะคัดเลือก  วิเคราะห์ติดตามหุ้น  ตรวจเยี่ยมกิจการของหุ้น  ซื้อขายหุ้นเพื่อให้ได้กำไร  เป็นต้น  อย่างไรก้ตาม  กองทุนรวมมีหลากหลาย ซึ่งอาจให้ลงทุนในห่านชนิดต่างๆ กันไป ซึ่งเราก้ต้องเลือกให้เข้ากับสไตล์การลงทุนของเราด้วย

          ผมตีความเพิ่มเติมว่าในชีวิตจริงของการลงทุน  เราอาจเลือกสไตล์หรือกลยุทธ์การลงทุนแบบใดแบบหนึ่งตามที่เราชอบ  บางคนอาจเริ่มต้นแบบ "แผนรังนก"  แล้วโตขึ้นเป้น "ไข่ทองคำ" บางคนอาจใช้แผน "กำไว้แน่น" ตลอด บางคนแบ่งเงินลงทุนเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งใช้กลยุทธ์แบบ "ไข่ทองคำ" อีกส่วนหนึ่ง "ชกผ่านสิงห์" ยางคนเริ่มต้นแบบ "ไข่ทองคำ" และเมื่อทำกำไรได้อาจนำกำไรบางส่วนมาทำกลยุทธ์ "เล่นกับไฟ" ก็ได้ตามถนัดคับ