ผู้ที่เชี่ยวชาญด้านการบริหารเวลาคนหนึ่งได้รับเชิญให้ไปบรรยายในห้องเรียนของนักศึกษาหลักสูตรปริญญาโทบริหารธุรกิจ (MBA) แห่งหนึ่งหลังจากที่เธอได้เกริ่นบทนำไปแล้ว เธอก็นำกระปุกแก้วใบหนึ่งออกมาวางไว้บนโต๊ะข้างหน้าเธอ จากนั้นเธอนำกล่องที่บรรจุหินก้อนใหญ่ออกมา แล้วค่อยๆ หย่อนหินก้อนใหญ่เหล่านั้นลงในกระปุกแ้ก้วทีละก้อน จนกระปุกแก้วเต็มไปด้วยก้อนหินและไม่สามารถใส่เข้าไปได้อีกแล้ว เธอถามนักศึกษาในห้องว่า "กระปุกเต็มหรือยัง?" ทุกคนตะโกนตอบว่า "เต็มแล้ว"
จากนั้นเธอหยิบถังที่เต็มไปด้วยกรวดออกมาวางบนโต๊ะและค่อยๆ หย่อนใส่ลงไป จากนั้นก็เขย่ากระปุกแก้วให้กรวดค่อยๆ ไหลลงไป ซึ่งทำให้บรรดาก้อนกรวดค่อยๆ แทรกตัวลงไปเรื่อยๆ ตามช่องว่างระหว่างก้อนหินในที่สุดเธอใส่กรวดจนเต็มกระปุกแก้วจนไม่สามารถใส่เข้าไปได้อีกแล้วเธอจึงถามนักศึกษาในห้องเรียนว่า "กระปุกเต็มหรือยัง?" หนึ่งในกลุ่มนักศึกษาคิดได้จึงรีบตอบไปว่า "ยัง"
จากนั้นเธอก็ยกถังที่เต็มไปด้วยทรายออกมา และเริ่มเททรายลงในกระปุกแก้ว ทรายเิริ่มไหลไปตามช่องว่าระหว่างก้อนหินและก้อนกรวดเธอใส่ทรายลงไปจนไม่สามารถใส่เข้าไปได้อีกแล้ว อีกครั้งหนึ่งที่เธอถามว่า "กระปุกเต็มหรือยัง?" แต่ครั้งนี้ทุกคนต่างตะโกนออกมาว่า "ยัง!" เธอจึงหยิบเหยือกน่ำออกมาและเทน้ำลงในกระปุกแก้วจนเต็มถึงขอบกระปุกแล้วเธอก็ถามทุกคนในห้องว่า "เรื่องนี้.. บอกอะไรแก่เราบ้าง?" นักศึกษาที่ดูท่าทางกระตือรือร้นคนหนึ่งยกมือขึ้นแล้วพูดว่า "เรื่องนี้บอกให้เรารู้ว่าไม่ว่าตารางเวลาจะเต็มแค่ไหนก็ตาม เราก็ยังสามารถเพิ่มการนัดประชุมเข้าไปได้อีก!"
เธอตอบว่า "พยายามดีมากแต่ยังไม่ใช่ ความจริงที่อยากให้ทุกคนเข้าใจในเรื่องนี้ก็คือ ถ้าคุณไม่ใส่ก้อนหินลงไปก่อน คุณจะไม่มีวันใส่มันเข้าไปได้อีกเลย" สำหรับเราทุกคน "หินก้อนใหญ่" มีความหมายที่แตกต่างไป แต่แก่นของมันคือ หินก้อนใหญ่จะเป็นสิ่งที่มีความหมายสูงสุดต่อชีวิตของเรา
นักลงทุนที่ทำตามกลยุทธ์การลงทุนแบบซื้อขายบ่อยครั้งมักจะต้องใช้เวลาว่างอันมีค่าของเขาไปกับการเฝ้าดูข่าวธุรกิจล่าสุด เรียนรู้เทคนิคและกราฟต่างๆ อ่านหนังสือที่เีกี่ยวกับการเงินและอื่นๆ จริงๆ แล้วสิ่งที่เขาทำอยู่ก็คือการให้ความสำคัญต่อก้อนกรวด ทรายและน้ำ ดังนั้นถึงแม้พวกเขาจำนวนน้อยจะสามารถบรรลุถึงความสำเร็จในเกมการลงทุนแบบซื้อขายบ่อยครั้งได้ แต่ "ราคา" ของความสำเร็จนั้นอาจเป็นว่าเขาสูญเสียเกมชีวิตที่สำคัญกว่ามากนัก
คำถามที่คุณควรจะพิจารณาก็คือ อะไรเป็น "หินก้อนใหญ่" ในชีวิตของคุณ? หินก้อนใหญ่ในชีวิตของคุณกำลังพยายามสร้างผลตอบแทนพิเศษผ่านการลงทุนแบบซื้อขายบ่อยครั้งซึ่งทำให้คุณต้อง "ลงทุน" ด้วยการใช้เวลาที่มีค่าของคุณไปอย่างมากมายใช่หรือไม่ ? หินก้อนใหญ่ในชีิวิตของคุณคือ การมอบเวลาให้แก่คนที่คุณรัก คนที่คุณศรัทธา การศึกษาของคุณ ความฝันของคุณ สิ่งที่มีค่าต่อคุณ การสอน หรือการเป็นพี่เลี้ยงให้ผู้อื่นใช่หรือไม่? ถ้าคุณยังไม่รู้คำตอบเลย บางทีเรื่องนี้อาจจะพอช่วยคุณได้
ไม่นานหลังจากที่หนังสือเล่มแรกของผมตีพิมพ์ในปี 1998 ผมได้รับโทรศัพท์จากนายแพทย์คนหนึ่ง เขาเพิ่งทำงานมาได้ไม่กี่ปี เขาีภรรยาและลูกน้อยคนหนึ่ง และภรรยากำลังอุ้มท้องลูกคนที่สองด้วย เขาชื่นชมกับตลาดขาขึ้นและอยู่ในห้องค้าตลอดทั้งวัน เขาเห็นเพื่อนๆ ที่เป็นแพทย์ด้วยกันสามารถทำรายได้ก้อนโตจากการซื้อขายหุ้น และเขาคิดว่าเขาควรจะมีโอกาสหาเงินง่ายๆ แบบนั้นได้บ้าง
หลังจากทำงานมาตลอดทั้งวัน เขาก็พุ่งเข้าหาเครื่องคอมพิวเตอร์และเริ่มท่องอินเทอร์เน็ต เขาใช้เวลาหลายชั่วโมงศึกษากราฟและรายงานการลงทุนและยังเข้าไปพูดคุยในแชตรูมอีกด้วย ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือนเขาเริ่มต้นลงทุนด้วยเงินก้อนเล็กๆ ของเขา และจำนวนนั้นก็กลายเป็นเงินจำนวน 100,000 ดอลล่าร์ และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของความโชคร้ายเพราะภรรยาของเขาเริ่มหมดโอกาสจะมีสามี เช่นเดียวกับลูกๆ ของเขาก็เริ่มหมดโอกาสที่จะมีพ่อ เพราะเขาได้แต่งงานใหม่ไปกับการลงทุนของเขาแล้ว ภรรยาของเขาเริ่มตั้งคำถามอย่างจริงจังถึงการแต่งงานของพวกเขา แต่โชคดีที่ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือนหลังจากนั้น เขาก็สูญเสียกำไรที่ได้มาทั้งหมด
โชคดีอีกข้อหนึ่งคือ นายแพทย์คนนี้เข้าใจแล้วว่า กำไรเดิมของเขาเป็นความโชคดี และเขาเป็นเพียงผู้ตักตวงผลประโยชน์คนหนึ่งในตลาดขาขึ้นเท่านั้น ที่สำคัญไปกว่า เขายังเริ่มเรียนรู้ด้วยว่าเขาไม่ได้ให้ความสนใจกับครอบครัวของเขาเลย เมื่อเขาได้คุยเรื่องนี้กับเพื่อนคนหนึ่ง เพื่อนของเขาจึงแนะนำให้อ่านหนังสือเรื่อง "The Only Guide to a Winning Investment Strategey You'll Ever Need" หลังจากที่ได้อ่านหนังสือจนจบแล้ว เขาจึงโทรศัพท์หาผมเพื่อของคุณที่ผมได้ช่วยเหลือเขาให้ค้นพบเกมแห่งผู้ชนะในการลงทุน หากให้พูดตรงกว่านั้นก็คือ ช่วยเขาให้ค้นพบเกมแห่งชัยชนะในการดำเนินชีวิต จากนี้ไปเขารู้วิธีที่จะให้ความสำคัญกับ "หินก้อนใหญ่" แล้ว
สิ่งที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นราวหนึ่งปีหลังจากหนังสือเล่มแรกของผมตีพิมพ์ ผมได้พบกับ ริค ฮิลล์ (Rick Hill) ริคเป็นนักลงทุนหัวสมัยใหม่ที่จบปริญญาโทบริหารธุรกิจ (MBA) จากวอร์ตัน (คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย) ริคมีประสบการณ์ด้านการจัดการการเงินมานานกว่า 30 ปี หลังจากที่เขาได้พบกับเพื่อนร่วมงานของผมคนหนึ่งและได้อ่านหนังสือของผม ริคก็กลายมาเป็นลูกค้าของผม ในที่สุดริคก็ได้ไปทำงานในบริษัทจัดการกองทุนบัคกิงแฮมในตำแหน่งที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งทำให้เขาสามารถช่วยคนอื่นๆ ให้มีความสุขกับการลงทุนแบบซื้อขายน้อยครั้งได้ หลังจากที่ทำงานไประยะหนึ่ง เขาก็แบ่งปันเรื่องราวของตัวเองให้ผมได้รับรู้
ริคบอกผมว่า เขาเคยใช้เวลาหลายๆ ชั่วโมงทุกวันเพื่ออ่านบรรดาเอกสารทางการเงิน บทความวิจัยเกี่ยวกับหุ้น และเฝ้าดูข่าวการเงินต่างๆ นึ่คือกิจกรรมหลังจากใช้เวลาทำงานทั้งวันที่ออฟฟิศ แต่เมื่อเขาปรับมาใช้หลักการของทฤษฏีการจัดพอร์ตการลงทุนแนวทางใหม่ พร้อมกับการสร้างสมมติฐานของตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ และใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบซื้อขายน้อยครั้งแล้ว เขาก็ได้พบว่าไม่จำเป็นต้องทำสิ่งเหล่านั้นอีกต่อไป เขาได้รู้แล้วว่าเขามัวแต่ไปให้ความสำคัญกับสิ่งที่ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าเสียงรบกวนที่คอยหันเหให้เขายิ่งห่างไกลออกไปจากเกมของผู้ชนะ
ริคและภรรยามาจับเข่าคุยกันและคำนวณได้ว่า หากเขารับเอาวิธีการลงทุนแบบซื้อขายน้อยครั้งมาใช้ เขาจะสามารถมีเวลาเพิ่มขึ้นได้ถึง 6 สัปดาหืในหนึ่งปี นั่นคือ 6 สัปดาห์ที่เขาสามารถทำกิจกรรมให้เกิดสิ่งดีๆ ขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ริครู้ด้วยว่ากิจกรรมในอดีตที่เขาเคยทำและไม่ก่อให้เกิดผลผลิตใดๆ ออกมาเลยนั้นเป็นเพราะค่าใช้จ่ายและภาษีที่เกิดขึ้นนั่นเอง มันเกิดจากกลยุทธ์ที่ไปซื้อขายบ่อยๆ ซึ่งนั่นยังไม่รวมถึงการสูญเสียทรัพยากรที่มีค่ามากที่สุดที่เขามีนั่นคือ "เวลา" เขามีเวลาจำกัดและไม่ต้องการจะเสียเวลากับสิ่งไร้สารอีกต่อไป
CR. กลยุทธ์การลงทุนแบบวอร์เรน บัฟเฟตต์