Tuesday, October 28, 2014

นักลงทุน VI ไม่โลภเกินความรู้ของตัวเอง..

 

      อยู่ในตลาดหุ้น อย่าโลภเกินความรู้ ของตัวเองแล้วจะไม่เสียเงินโดยไม่สมควรจะเสีย..!!

      เท่าที่ผมอยู่ในตลาดหุ้นมา  ผมพบว่าคนที่ขาดทุนหุ้นมักจะเป็นเพราะว่าโลภเกินความรู้ที่ตัวเองมี เช่น คุณเข้ามาตลาดหุ้นแล้วเพิ่งเริ่มศึกษา  ผมขอยกตัวอย่างหุ้นเกี่ยวกับหุ้นโรงไฟฟ้า คุณเริ่มที่จะเข้าใจว่าแต่ละบริษัทมีการเติบโตอย่างไร  แต่พอดีหุ้นกลุ่มนี้ยังไม่ค่อยขึ้น  แล้วในช่วงระยะเวลานั้น  หุ้นกลุ่มสี่อสารเริ่มขึ้นเยอะ  คุณเริ่มรู้สึกเสียดายกลัวตกรถ  เพราะเห็นคนในเว็บบอร์ดหุ้นออกมาดีใจกันว่าเขากำไรหุ้นสื่อสาร  ทำให้คุณเริ่มกลัวจะน้อยหน้าคนอื่นคุณก็เลยื้อหุ้นสื่อสารบางตัวที่เพิ่งวิ่งอย้างร้อนแรงมากๆ เข้าไปไม่กี่วันต่อมาหุ้นสื่อสารตัวนั้นก็ตกหนักมาก  คุณก็วิตกกังวลมากจนนอนไม่เต็มอิ่ม


      เนื่องจากคุณไม่เคยมีความรู้เกี่ยวกับหุ้นตัวดังกล่าวมาก่อน  คุณจึงไม่รู้ว่า  ที่หุ้นขึ้นมานักลงทุนซื้อกันเพราะหวังอะไรมีข่าวอะไรกันแน่และข่าวที่ว่ามานั้นมีผลจริงๆ ต่อพื้นฐานหุ้นมากน้อยแค่ไหน

      ด้วยความที่คุณทนกังวลใจต่อไปไม่ไหว  คุณก็เลยขายหุ้นออกมาในราคาที่คุณขาดทุนพอควรและขาดทุนเร็วมากด้วยเพราะคุณเลือกลงทุนไปไล่ราคาตอนมันร้อนแรงมากเกินไปในช่วงที่หุ้นสื่อสารตัวที่ว่านี้ตกลงมา  หุ้นโรงไฟฟ้าที่คุณศึกษาไว้และกำลังจะซื้อก็เริ่มขึ้นมา  ตลกร้ายที่คุณตลกไม่ออกเลยทีเดียว

     คุณเเสียงเงินเพราะคุณปล่อยให้ราคาหุ้นในกระดานเข้ามาครอบครองจิตใจของคุณเสียแล้ว  ในตัวอย่างนี้นอกจากเสียงเงินแล้วยังเสียโอกาสที่จะไปศื้อหุ้นตัวที่คุณได้ศึกษามาดีพอแล้วอีกต่างหาก

     เวลาคุณวิเคราะห์หุ้นแต่ละกลุ่ม  ในตลาดหุ้นคุณจะเริ่มรู้ว่าหุ้นแต่ละกลุ่ม  มีวิธีการวิเคราะห์ที่ไม่เหมือนกัน

           ตัวอย่างหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์
           เวลาเปิดโครงการแล้วขายได้จะต้องรอรับรู้รายได้ เมื่อสร้างบ้านเสร็จแล้วโอนบ้านให้กับลูกค้าเวลาจะประมาณการกำไรของหุ้นกลุ่มนี้  คุณก็ต้องรู้ว่าจะมีโครงการไหนที่โอนในไตรมาสที่จะถึงนี้บ้าง    และต้องรู้ว่าโอนคอนโดเยอะไหม  โอนบ้านเดี่ยวเยอะไหม  เพราะส่วนใหญ่ขายคอนโดจะมีกำไรขั้นต้นสูงกว่า

        นอกจากนี้คคุณยังต้องวิเคราะห์ว่าโครงการของบริษัทที่คุณถือหุ้นอยู่มีแนวโน้มจะขายได้หมดไหม  เขาเปิดที่ทำเลดีไหม  ทำเลที่เปิดมีคู่แข่งเยอะหรือป่าว  ราคาของคู่แข่งเท่าไหร่  ของเขาเท่าไหร่

       นอกจากนี้  หุ้นกลุ่มนี้ก็ค่อนข้างที่จะอ่อนไหวต่อทิศทางของอัตราดอกเบี้ยอีกด้วย  เพราะเมื่อขึ้นดอกเบี้ยกำลังซื้อบ้านของคนจะน้อยลง  เพราะเกือบทุกคนที่ซื้อบ้านก็ซื้อผ่อนอยู่แล้ว  นอกจากนี้  เวลาเศรษฐกิจไม่ดีหุ้นอสังหาริมทรัพย์จะได้รับผลกระทบค่อนข้างสูง  เพราะคนส่วนหนึ่งเลื่อนซื้อบ้านออกไปก่อนได้เแถมคนที่จองเอาไว้แล้วก็ไม่มาโอน  และคนที่จะซื้อบ้านเดิ่มก็จะชะลอการซื้อไปอาจจะเหลือแต่คนที่จะเป็นต้องซื้อบ้านหลังแรกในตอนนั้นจริงๆ

       เรื่องพวกนี้เป็นความรู้เบื้องต้นที่ถ้าคุณสนใจจะลงทุนในหุ้นอสังหาริมทรัพย์  คุณควรรู้และทำความเข้าใจถึงความหมายของมันให้ได้ก่อน  ซึ่งกว่าคุณจะศึกษาเรื่องพวกนี้ได้หมดคงต้องใช้เวลาสักพักทีเดียว

        และหุ้นกลุ่มอื่นๆ ก็เช่นกัน  จะมีลักษณะการรับรู้รายได้  กำไรความเสี่ยงต่อปัจจัยภายนอกเรื่องเศรษฐกิจ  เรื่องนโยบายภาครัฐ  ไม่เหมือนกันการที่คุณจะลงทุนในหุ้นอุตสาหกรรมต่างๆ คุณจำเป็นจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมนั้นเยอะมากพอควร

      ดังนั้น  เมื่อคุณเข้าตลาดหุ้นคุณควรจะเริ่มศึกษาจากอุตสาหกรรมที่วิเคราะห์ไม่ยากเกินไป

       มีตัวแปรต่างๆ ในการลงทุนน้อยแล้ว  พอเริ่มจับหลักได้คุณก็เริ่มศึกษาหุ้นกลุ่มอื่นๆ ต่อไป  แต่คุณไม่ควรจะซื้อถ้าคุณไม่เข้าใจมันดี  การเรียนรู้วิธีการวิเคราะห์หุ้นในกลุ่มต่างๆ นั้นสมัยที่ผมเริ่มเรียนรู้ก็จะใช้วิธี  การอ่านบทวิเคราะห์  แล้วเวลาเจอศัพท์แปลกๆ ก็จะทำ highlight เอาไว้แล้วเข้าไปถามตามเว็บบอร์ดหุ้นต่างๆ หรือเมลไปถาม IR (งานนักลงทุนสัมพันธ์) บริษัท  หรือเมลไปถามนักวิเคราะห์ที่ออกบทวิเคราะห์มา