Thursday, October 16, 2014
นิสัยที่ดีในการลงทุน
เมื่อเราเริ่มต้นกับสิ่งใหม่ ๆ และชอบที่จะทำสิ่งนั้น สิ่งที่เราเรียนรู้ที่จะทำจะเป็นนิสัยติดตัวเราตลอด ไม่มีวันจืดจาง วันนี้ผมจะพูดถึงนิสัยที่ดีสำหรับการลงทุนคับ โดยจะแบ่งออกเป็นสามช่วง เชิญอ่านเลยคับ
นิสัยที่ดีใจการลงทุน ช่วงก่อนการลงทุน
ใครไม่อยากสิ้นเปลืองทรัพยาการการเงินไปโดยไม่จำเป็น ก่อนเริ่มลงทุนในตลาดหลักทรัพย์จะต้อง
1. ตอบให้ได้ว่า "เป้าหมายการลงทุนคืออะไร" ต้องการจะบรรลุดป้าหมายนั้นเมื่อไรและจำนวนเงินสำหรับลงทุนที่เหมาะสมของเราคือเท่าไร เรามีเงินออม เงินสำรองเผื่อฉุกเฉินแล้วหรือยัง เพื่อให้การสร้างความมั่งคั่งจากการลงทุนมีทิศทางที่ชัดเจน การสำรวจความพร้อมของตัวเองก่อน เป็นขั้นตอนที่สำคัญ
2. รู้และเข้าใจ "ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน" ว่าแต่ละประเภทคืออะไร ให้ผลตอบแทนอย่างไร มีความเสี่ยงเฉพาะตัวอะไรบ้าง เหมาะสมกับความต้องการและจะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้หรือไม่ ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ทางการเงินมากมายให้เราเลือกลงทุนได้ตามความเหมาะสม ทั้งในด้านจำนวนเงินลงทุน ระดับความเสี่ยงและอัตราผลตอบแทน อย่างเช่น กองทุนรวมตลาดเงิน กองทุนรวมตราสารหนี้ กองทุนรวมตราสารทุน กองทุนรวม LTF กองทุนรวม RMF กองทุนรวมผสม พันธบัตร หุ้นกู้ หุ้นสามัญ ฟิวเจอร์ส และออปชั่นประเภทต่างๆ เป็นต้น
3. ต้องแน่ใจว่า "เข้าใจวิธีการซื้อขายหลักทรัพย์" การส่งคำสั่งซื้อขาย รู้จักเปรียบเทียบและเลือกบริษัทหลักทรัพย์ที่มีความมั่นคงและพร้อมให้บริการอย่างเต็มที่ มีเจ้าหน้าที่การตลาดที่มีความรับผิดชอบ มีบทวิเคราะห์ที่ดี เชื่อถือได้ มีระบบการซื้อขายที่ทันสมัยและที่สำคัญมีจรรยาบรรณในการดำเนินงาน
4. วางแผนการลงทุนให้ชัดเจน ว่าจะกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์ประเภทใดบ้าง สัดส่วนการลงทุนเป็นอย่างไร และที่สำคัญควรกำหนดอัตราขาดทุนที่ยอมรับได้ไว้ด้วย
รู้จักตัวเอง รู้จักเครื่องมือ เข้าใจวิธี มีแผนชัดเจน เพียงเท่านี้ประตูแห่งโอกาสในการทำกำไรก็เปิดรอให้เราเดินเข้าไปลงทุนอย่างมั่นใจแล้ว
นิสัยที่ดีในการลงทุน ช่วงการลงทุน
เมื่อเตรียมความพร้อมอย่างดีแล้ว นักลงทุนที่ดีจะต้องขยันทำการบ้านอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงตัดสินใจลงทุนซึ่งเป็นช่วงสำคัญมาก เพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่มีผลกระทบต่อการลงทุน ทั้งทางตรงและทางอ้อม นักลงทุนที่ดีจึงต้อง
1. เข้าใจเรื่องผลตอบแทนและความเสี่ยง เพราะการลงทุนในหลักทรัพย์ที่คาดว่าจะให้ผลตอบแทนสูงย่อมจะมีความเสี่ยงสูงด้วย การประเมินความเสี่ยงหรือความไม่แน่นอนของผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ จะช่วยให้เราสร้างพอร์ตการลงทุนที่มีประสิทธิภาพได้จากระดับความเสียงที่ยอมรับได้ ณ อัตราผลตอบแทนที่เหมาะสม
2. เข้าใจการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน เพราะการลงทุนในหุ้นก็คือการลงทุนในธุรกิจของบริษัท เราจึงต้องเข้าใจพื้นฐานของบริษัทที่จะลงทุน การเข้าใจสภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมวัฏจักรธุรกิจตลอดจนผลการดำเนินงานแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจ ฐานะทางการเงิน นโยบายการจ่ายเงินปันผล กลยุทธ์การดำเนินงานและความมีจรรยาบรรณของผู้บริหาร จะทำให้เราเฟ้าหาบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสมได้ ทั้งนี้ นักลงทุนที่ดีควรมองเป้าหมายการลงทุนระยะยาวเป็นหลัก ดังนั้น ในการคัดเลือกบริษัทที่ดีจึงต้องเน้นบริษัทที่มีผลการดำเนินงานสม่ำเสมอไม่ผันผวนตามสภาพแวดล้อมมากนัก นอกจากนี้ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานจะทำให้เราทราบมูลค่าที่แท้จริงของหลักทรัพย์ที่ต้องการลงทุน หากมูลค่าของหลักทรัพย์สูงกว่าราคาที่ซื้อขายกันในตลาดก็ถือว่าเป็นหลักทรัพย์ที่น่าลงทุน เพราะตาลกลไลตลาด ราคาหลักทรัพย์จะปรับตัวเข้าหามูลค่าที่แท้จริงเสมอ ส่วนเคล็ดลับง่ายๆ ในการทำความเข้าใจพื้นฐานของบริษัท ก็คือให้เริ่มต้นจากเลือกบริษัทที่มีสินค้าหรือบริการที่เรารู้จักหรืออาจจะใช้บริการเป็นประจำ เพราะจะช่วยให้เราเข้าใจลักษณะของธุรกิจ คาดการณ์โอกาส ข้อจำกัด รวมทั้งติดตามการดำเนินการได้อย่างชัดเจน
3.เข้าใจ Benchmark หรือดัชนีราคาหุ้น ได้แก่ SET Index SET50 Index SET100 Index หรือ mai Index ซึ่งจะสะท้องภาพรวมของการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ว่าราคาหลักทรัพย์โดยรวมมีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใดเมื่อเทียบกับในอดีต
4. มีวินัยในการลงทุน เมื่อเรามีแผนการลงทุนที่เหมาะสมและชัดเจนแล้วเราควรปฏิบัติตามแผนการที่วางไว้อย่างมีวินัยด้วย เพราะการมีวินัยในการลงทุนจะช่วยให้เราไม่หวั่นไหวไปตามความผันผวน ตามกระแสหรือข่าวลือที่จะมาสร้างความวิตกกังวลในระยะสั้น วินัยในการลงทุนเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะพาเราเดินทางไปสู่เป้าหมายทางการเงินได้อย่างมั่นคง
นิสัยที่ดีในการลงทุน ช่วงหลังการลงทุน
เมื่อตัดสินใจลงทุนไปแล้วอย่างรอบคอบ ความอุ่นใจจากอนาคตที่มั่นคงก็จะเกิดขึ้นและจะสร้างความสุขให้เราได้ทุกวัน เพื่อเป็นการเสริมสร้างความมั่นใจในระยะยาว นักลงทุนที่ดีจะต้อง
1. บันทึกการซื้อขายหลักทรัพย์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นบันทึกช่วยเตือนความจำและเพื่อประโยชน์ในการติดตามการลงทุน
2. ติดตามข้อมูลข่าวสารและผลการดำเนินงานของบริษัทที่ลงทุนไว้และติดตามสภาวะเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เผื่อมีเหตุการณ์ผิดปกติที่อาจจะเกี่ยวข้องกับบริษัทที่ลงทุนไว้เกิดขึ้น จะได้พิจารณาปรับเปลี่ยนการลงทุนได้ทันท่วงที
3. ทบทวนพอร์ตการลงทุนอย่างน้อยทุกสิ้นเดือนหรือไตรมาส เพราะบริษัทจะสรุปและเปิดเผยข้อมูลการดำเนินงานทุกไตรมาส จึงเป็นจังหวะเวลาที่ดีสำหรับทบทวนตรวจสอบพอร์ตการลงทุนโดยรวมไปด้วย หากพบว่าบริษัทมีผลการดำเนินงานไม่เป็นตามที่คาดการณ์ไว้บ่อยๆ จะได้ปรับพอร์ตการลงทุน
4.ทำความเข้าใจสิทธิและหน้าที่ของผู้ถือหุ้น เพื่อให้ได้ประโยชน์จากการลงทุนอย่างเต็มที่ นักลงทุนที่ดีจะต้องรู้จักใช้สิทธิของตนเองอย่างเหมาะสมเพื่อกำกับดูแลบริษัทและการปฏิบัตงานของผู้บริหารให้เป็นไปตามกฏระเบียบต่างๆ อย่างเคร่งครัด ซึ่งการใช้สิทธิของนักลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพจะทำให้กลไกบรรษัทภิบาลที่ดีทำงานได้อย่างสมบูรณ์ อย่างเช่น การใช้สิทธิออกเสียงลงมติในที่ประชุมผู้ถือหุ้น การใช้สิทธิตรวจสอบการทำงานของคณะกรรมการและผู้บริหารบริษัท เป็นต้น
5. สนุกกับการลงทุน ทัศนคติที่ดีต่อการลงทุนเป็นเรื่องสำคัญ หากเรามองการลงทุนเป็นการเรียนรู้ เป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง เราก็จะไม่เครียด ไม่วิตกกังวล เมื่อการลงทุนกลายเป็นเรื่องสนุก ท้าทาย เราก็จะมีความสุขได้ทุกวัน
เมื่อเราสร้างนิสัยที่ดีในการลงทุนและใช้อย่างต่อเนื่องแล้ว นิสัยที่เราบ่มเพราะภูมิคุ้มกันให้เราในตลาดหุ้น มีนักลงทุนมากมายที่ประสบความสำเร็จในการลงทุน โดยเริ่มต้นบ่มเพราะนิสัยและความละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แต่นานวันก็หล่อหลอมออกมาเป็นแนวทางการลงทุนที่เยี่ยมยอม เพราะความสำเร็จในการลงทุน ใครๆ ก็สร้างได้ ขอเพียง มีใจรัก พากเพียรทำ เอาจิตฝักใฝ่ ใช้ปัญญาสอบสวน
สุดท้ายนี้ขอให้เพื่อน ๆ นักลงทุนทั้งมือใหม่ และมือเก่า ประสบความสำเร็จตามปรารถนาทุกคนคับ
ขอให้โชคดีคับ