Thursday, October 2, 2014

เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด สมบัติที่รอการปล้นของวอร์เรน บัฟเฟตต์


งบดุล/สินทรัพย์
($ ล้าน)

Ò เงินสดและเงินลงทุนระยะสั้น
Ò สินค้าคงคลัง
Ò ลูกหนี้การค้า – สุทธิ
     ค่าใช้จ่ายล่วงหน้า



$4,208
2,220
3,317
2,260
สินทรัพย์หมุนเวียนอื่นๆ – รวม                                         0
      รวม สินทรัพย์หมุนเวียน
$12,005











         หนึ่งในสิ่งแรกที่วอร์เรนทำคือ ดูที่สินทรัพย์ว่าบริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเท่าใด
สินทรัพย์รายการนี้มีความหมายตรงตัวคือ
เงินสดหรือสิ่งที่เทียบเท่ากับเงินสด เช่น ตั๋วเงินฝากระยะสั้น (CD) ตั๋วเงินคลังอายุ 3 เดือน หรือสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงอื่นๆ การที่เงินสดหรือรายการเทียบเท่าเงินสดมีตัวเลขสูงบอกวอร์เรนว่า บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันซึ่งสามารถทำเงินสดได้เป็นกอบเป็นกำ ซึ่งเป็นสิ่งดี หรือบริษัทเพิ่งขายกิจการใดกิจการหนึ่ง หรือพันธบัตรมูลค่ามหาศาล ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก การไม่มีเงินสดกองโตหรือมีน้อยมักจะหมายความว่า บริษัทมีเศรษฐกิจแย่หรือ งั้นๆเพื่อจะให้รู้ว่าเป็นอย่างไรกันแน่ เราจะมาเจาะลึกสินทรัพย์ประเภทเงินสดของบริษัทกัน

                ปกติแล้ว บริษัทต่างๆจะเก็บเงินสดไว้จำนวนหนึ่งเพื่อใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ ให้เราคิดถึงเงินก้อนนี้ว่าเป็นเสมือนสมุดเช็คเล่มหนา หากบริษัททำรายได้มากกว่ารายจ่าย เงินสดก็จะเริ่มเพิ่มพูน ทำให้เกิดปัญหาการลงทุนขึ้นมาว่า จะทำอย่างไรดีกับเงินสดที่มี แต่นี่คือปัญหาที่เราชอบ

                เนื่องจากเงินสดทำรายได้ให้ไม่มากหากฝากบัญชีหรือซื้อตั๋วเงินฝาก ดังนั้น จึงดีกว่าหากจะนำมาใช้ในการดำเนินกิจการของบริษัท หรือนำไปลงทุนอย่างอื่นซึ่งให้ผลตอบแทนในอัตราสูงกว่า ดังนั้น เราจึงต้องมานั่งคิดว่าอยากเป็นเจ้าของอะไรดี ระหว่าง ตั๋วเงินฝากระยะสั้นที่มีผลตอบแทน 4% ของเงินที่ลงทุน หรืออพาร์ตเมนต์ซึ่งให้ผลตอบแทน 20%? หากเลือกอพาร์ตเมนต์ สิ่งที่เกิดจะเหมือนกันคือ หากมีรายได้มากกว่ารายจ่ายในการดำเนินธุรกิจ เงินก็จะเริ่มพอกพูน และเราต้องตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับมันต่อไป

                ปกติบริษัทจะใช้เงินสดส่วนเกินในการขยายธุรกิจ ซื้อกิจการใหม่ที่ต่างจากเดิมทุกประการ หรือลงทุนเป็นเจ้าของธุรกิจเพียงบางส่วนโดยการซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ซื้อหุ้นคืน หรือนำมาจ่ายเป็นเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น แต่บ่อยครั้งที่บริษัทจะเก็บไว้เพื่อเป็นเงินสำรองสำหรับวันที่ธุรกิจไม่สดใสนัก ในโลกธุรกิจที่ท้าทายและมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอไม่มีใครที่เตรียมตัวพร้อม มากเกินไป

                บริษัทหนึ่งๆมีวิธีการพื้นฐาน 3 วิธี ในการสร้างเงินสดกองโต คือ 1 ขายพันธบัตรหรือออกหุ้นเพิ่ม ซึ่งจะทำเงินสดได้กองโตก่อนจะนำมาใช้ 2ขายกิจการที่มีอยู่หรือสินทรัพย์ที่เป็นเจ้าของอยู่ ซึ่งทำเงินได้กองโตก่อนที่บริษัทรู้ว่าจะจัดการกับมันอย่างไรเช่นกัน หรือ 3 บริษัทมีธุรกิจที่กำลังสร้างเงินจำนวนมหาศาลกว่าที่จะผลาญหมด ข้อ 3 นี่แหละที่วอร์เรนสนใจ เงินสดกองโตที่มาจากธุรกิจที่กำลังทำอยู่ เพราะบริษัทที่มีเงินสดเหลือใช้กองโตจากธุรกิจที่ทำอยู่ มักจะเป็นบริษัทที่มีความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืนอย่างใดอย่างหนึ่งเหนือคู่แข่ง

                เมื่อวอร์เรนกำลังมองที่บริษัทที่กำลังประสบปัญหาระยะสั้น ซึ่งทำให้ชาววอลล์สตรีทสายตาสั้นพากันทิ้งหุ้นนั้น เขาจะมองไปที่เงินสดและหลักทรัพย์ซึ่งสามารถจำหน่ายได้ที่บริษัทกักตุนไว้ ทำให้เขารู้ว่าบริษัทนั้นๆมีสถานะทางการเงินแข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้กับปัญหาที่เผชิญอยู่หรือไม่

                และนี่คือกฎ หากเราเห็นเงินสดและหลักทรัพย์ที่สามารถขายได้จำนวนสูง และไม่มีหนี้เลยหรือมีเพียงเล็กน้อย เป็นไปได้มากที่บริษัทจะฝ่าฟันพายุไปได้ แต่ถ้าบริษัทประสบปัญหาขาดเงินสด และกอดหนี้กองโตไว้ เป็นไปได้ว่าเรือกำลังจะจม ซึ่งแม้แต่ผู้บริหารที่เก่งที่สุดคงก็คงไม่สามารถกอบกู้ได้

                วิธีทดสอบง่ายๆ เพื่อดูว่าเงินสดของบริษัทมาจากที่ใด คือ ดูที่งบดุลของ 7 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจะเผยให้เห็นว่า เงินสดก้อนโตที่ตุนไว้มาจากสิ่งที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว เช่น การขายพันธบัตรหรือออกหุ้นใหม่หรือการขายสินทรัพย์หรือกิจการที่มีอยู่ของบริษัท หรือมาจากธุรกิจที่ทำอยู่ หากเราเห็นหนี้ก้อนโต ธุรกิจที่กำลังดูนั้นคงไม่ใช่ธุรกิจที่ดีนัก แต่หากเห็นเงินสดที่กำลังพอกพูนขึ้นเรื่อยๆและไม่มีหนี้เลยหรือมีเพียงเล็กน้อย ไม่มีการขายหุ้นใหม่หรือสินทรัพย์ และเห็นประวัติกำไรที่สม่ำเสมอธุรกิจที่ว่านั้นน่าจะเป็นธุรกิจชั้นยอดที่มีความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืนซึ่งวอร์เรนมองหา บริษัทที่จะทำให้เรารวยได้ในระยะยาว


                อย่าลืมว่า เงินสดคือพระราชาในยามยาก เพราะฉะนั้น หากเรามีเงินขณะที่คู่แข่งไม่มี เราก็จะเป็นผู้ชนะ และการเป็นผู้ชนะคือเป้าหมายของเรา