Friday, October 24, 2014
หลักการง่าย ๆ ของ VI : ซื้อเมื่อคนอื่นกลัว และขายเมื่อคนอื่นโลภ
ซื้อเมื่อคนอื่นกลัว และขายเมื่อคนอื่นโลภ
มีคำกล่าวของนักลงทุนระดับโลกว่า เมื่อคนอื่นโลภสุดชีวิตอยากจะซื้อหุ้นกันมากๆ มองโลกในแง่ดีมากเวลานั้น นั่นแหล่ะเป็นเวลาที่น่ากลัว..!!
เนื่องจากถ้าใครๆ ก็เช้าซื้อหุ้นแล้วใครจะมาซื้อหุ้นต่อจากคุณล่ะ ถ้าคุณหันซ้ายหันขวาเพื่อนักลงทุนทุกคนของคุณก็มีหุ้น XXX หมดแล้ว พอคุณถามว่าทำไมถึงซื้อหุ้น XXX เขาก็บอกว่า มีข่าวมาแรงว่าหุ้นตัวนี้กำลังจะไปต่อได้อย่างงดงาม
ทุกสำนักวิจัยออกมาบอกว่า หุ้นตัวไหนดีมากๆ อาจทำให้หลายคนจะหลับหูหลับตาซื้อหุ้นเพราะเชื่อตามๆ กันว่า หุ้นจะไปต่อได้เรื่อยๆ หลักจากที่หุ้นขึ้นมาตลอด เมื่อนั้นตลาดหุ้นก็จะไม่ใช่ที่ที่ไว้สำหรับลงทุน กิจการที่เราอยากเป็นหุ้นส่วนแต่เหมือนการเสี่ยงโชคที่คนใหม่ๆ ที่เข้ามาในตลาดหุ้นถูกความโลภเข้าบังตาแล้ว ก็ไล่ซื้อหุ้นอย่างเดียวด้วยความเชื่อว่าพรุ่งนี้หุ้นจะสูงขึ้น
เมื่อไหร่ที่ตลาดหุ้นตกอยู่ในสภาพนี้ จะเป็นช่วงที่อันตรายมากนักลงทุนระดับโลกแนะนำว่าคุณควรขายหุ้นในช่วงเวลาดังกล่าวนี้ เนื่องจากความโลภแบบไม่ลืมหูลืมตาของผู้คนทำให้ราคาของตัวหุ้นขึ้น เกินกว่ามูลค่าที่แท้จริงที่มันควรจะเป็น
ในทางกลับกันเมื่อเกิดข่าวร้ายขึ้นมาแล้วหุ้นเริ่มลงแรงๆ แรกๆ ผู้คนก็จะไม่เชื่อว่าตลาดขาลงครั้งใหญ่กำลังมาเยือนแล้ว คนที่มีหุ้นอยู่จะคิดว่าหุ้นพักตัวเพื่อวิ่งต่อ ส่วนคนที่ไม่มีหุ้นที่ตกรถก่อนหน้านี้ก็รู้สึกว่านี่แหล่ะเป็นจังหวะซือของถูก แต่พอซื้อไปแล้วหุ้นลงไปเรื่อยๆ เมื่อหุ้นลงต่อเนื่องติดกันซักระยะหนึ่ง สภาพจิตใจของผู้ที่ถือหุ้นจะแย่มาก และจะเริ่มมองโลกในแง่ร้ายตามต่อเมื่อหุ้นยังลงอีกไม่หยุด ซ้ำข่าวร้ายทางเศรษฐกิจเริ่มออกมายืนยันว่าเศรษฐกิจจะแย่ลง ผลกำไรของบริษัทในตลาดหุ้นจะแย่ลงเยอะ หลายบริษัทอาจจะถึงขนาดขาดทุน ทำให้นักลงทุนก็ยิ่งมองโลกในมุมร้ายมากขึ้นไปอีก เมื่อถึงจุดนั้นแล้วหลายคนจะเริ่มถอดใจว่าหุ้นจะลงต่อไปเรื่อยๆ แน่ๆ จะหาจุดสิ้นสุดของความโหดร้ายนี้ได้อย่างไร
ว่าแล้วก็อาจมีหลายคนที่คิดว่าถึงจะขาดทุนหนักก็ยังดีกว่าเงินหายไปทั้งหมด ก็เลยเริ่มขายหุ้นเพื่อออกมาจากขบวนรถไฟหัวเสียขบวนนั้น เมื่อมีคนเริ่มขายออกมาท่ามกลางข่าวร้ายทางเศรษฐกิจ และแนวโน้มผลกำไรที่จะแย่ลงก็จะยิ่งไปยืนยันให้คนอื่นๆ ที่ยังถือหุ้นอยู่รู้สึกว่า "แน่ๆ แล้วรอบนี้คงตายกันหมดไม่เหลือแน่ๆ "
แล้วก็แห่กันเทขายหุ้นแบบไม่ลืมหูลืมตา เวลาที่หุ้นลงแรงจนถึงจุดหนึ่งหุ้นจะลงไปแรงมากๆ ได้อย่างที่ทุกคนไม่เชื่อ เพราะว่ามีบางคนที่ไปกู้เงินโบรกเกอร์มาซื้อหุ้น (มาร์จิ้น) และคนเหล่านี้ไม่ได้คิดเผื่อเหลือเผื่อขาดว่าถ้าเกิดมีอะไรร้ายๆ ขึ้นมาจะเป็นอย่างไร ทำให้เวลาหุ้นลงโบรกเกอร์ก็จะบังคับลูกค้าเหล่านี้ให้ขายหุ้นออกมา ทำให้หุ้นลงแรงมากเพราะเป็นการขายหุ้นแบบบังคับขาย
เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นหุ้นจะมีราคาถูกแบบเหลือเชื่อเพราะนักลงทุนไม่ได้สนใจอะไรอีกแล้ว นักลงทุนถูกความกลัวเข้าครอบงำอย่างสมบูรณ์แบบ แต่นี่แหล่ะเป็นจังหวะที่ดีมากๆ ของนักลงทุน VI ยกตัวยอย่างเหตุการณ์ ตอนปลายปี 2008 หลายคนเจอหุ้นลงแรงๆ ติดกันจนเครียดไม่เป็นอันกินอันนอน ในตอนนั้นหุ้นหลายตัวมีปันผลมากกว่าปีละ 15% ที่ราคาต่ำสุดมีบางตัวปันผลเกือบ 20% ด้วย เนื่องจากว่าในตอนฝรั่งจำเป็นต้องดึงเงินกลับประเทศทำให้เทขายหุ้นอย่างหนักแต่กำไรของหุ้นหลายๆ ตัวไม่ได้ลดลงเท่าไหร่ทำให้มีหุ้น P/E 3-4 เท่าเต็มตลาดหุ้นเลยทีเดียว ซึ่ง P/E ระดับ 3-4 เท่าก็เปรียบเหมือนคุณลงทุนแล้ว 3-4 ปี ได้เงินกลับคืนมา ในชีวิตของนักลงทุนคนหนึ่งจะไม่เจอเหตุการณ์แบบนี้บ่อยนัก หลายคนที่ซื้อหุ้นในช่วงนั้นก็รวยไม่รู้เรื่องในระยะเวลาเพียง 2 ปี นีั่เป็นที่มาของคำว่าทำไมควรโลภตอนที่ทุกคนกลัว
เรื่องนี้จำเป็นต้องขยายความเพื่อกันไม่ให้คนไปใช้หลักการแบบผิดๆ ผมคิดว่าถ้าเราจะกลัวเมื่อคนอื่นโลภเราควรจะขายเมื่อหุ้นมันถึงมูลค่าที่เหมาะสมหรือเกินมูลค่าที่เราคิดไปแล้วมากๆ ไม่ใช่หุ้นบางตัวประกาศกำไรออกมาดีแล้วคนเริ่มมาซื้อหุ้นแล้วเราตกรถซื้อไม่ทันก็เลยปลอบใจตัวเองว่าอย่าไปซื้อเลยเพราะคนอื่นกำลังถูกความโลภครอบงำมันไม่ใช่ แบบนี้ไม่เรียกว่าความโลภ แต่มันเป็นการซื้อหุ้นที่ผลกำไรออกมาดีเกิดคาดเฉยๆ แล้วอาจจะทำให้หุ้นวิ่งแรงมาก
หลักการที่สำคัญคือ
เราต้องไปดูกำไรของหุ้นตัวที่เลือกว่าดีจริงไหม เกิดจากอะไร ความโลภในแบบที่น่าขายหุ้นไม่ใช่ความโลภธรรมดา เป็นความโลภแบบสูงสุด เป็นแบบอาการที่คิดว่าหุ้นจะขึ้นไปเรื่อยๆ เลยซื้อไว้ก่อนโดยที่ไม่ได้รู้เรื่องราวของบริษัท นักลงทุนควรแยกแยะให้ออก ระหว่าง หุ้นที่ขึ้นเพราะมีพื้นฐานดีจริงๆ หรือหุ้นที่ขึ้นเพราะหน้ามืดตามัว ในทางกลับกันเวลาหุ้นลงนักลงทุนก็ต้องแยกให้ออกว่า แบบไหนลงเพราะกิจการไม่ดี กับแบบไหนลงเพราะอารมณ์คนมันพาไป ส่วนใหญ่การลงแบบกิจการไม่ดีจะมีงบการเงินบริษัทออกมายืนยันว่าธุรกิจแย่ลงไปมากจากที่เคยกำไรก็ขาดทุน หุ้นพวกนี้เวลาลงคุณอย่าไปคิดว่าดีน่าลงทุน เพราะนักลงทุนได้มองโลกในแง่ร้ายมากๆ แล้วไปซื้อกันเถอะเพราะหุ้นมันมีเหตุผลที่ดีพอที่ลงไปไม่ใช่ลงไปเพราะคนกลัวหรือเข้าใจผิด ฉะนั้น
"จงซื้อหุ้นเมื่อทุกคนกลัว และขายหุ้นเมื่อทุกคนโลภ"